แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 ก็คือการฟ้องขอให้บังคับจำนองนั่นเอง และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 715(1) ทรัพย์สินซึ่งจำนองย่อมเป็นประกันเพื่อการชำระหนี้กับดอกเบี้ยด้วยโดยในส่วนดอกเบี้ยนั้นเมื่อหนี้จำนองเป็นหนี้เงินจึงต้องอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 วรรคหนึ่ง กล่าวคือเมื่อถึงกำหนดที่จะต้องชำระหนี้จำนอง ลูกหนี้ไม่ชำระก็ต้องถือว่าลูกหนี้ผิดนัดลูกหนี้ต้องเสียดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี แต่มีข้อยกเว้นว่าถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้น โดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมายก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้น เมื่อตามสัญญาจำนองจำเลยที่ 3 ยอมให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ร้องร้อยละ 15 ต่อปีผู้ร้องย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆในดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวนับแต่วันผิดนัดไปจนถึงวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแสดงจำนวนเงินที่จ่ายให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าหนี้บุริมสิทธิแต่ละคนเสร็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 319
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าให้ร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวน 10,164,005 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 1,050,427 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 5จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงขอบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 805ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 3 เพื่อขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิเหนือทรัพย์จำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่โจทก์นำยึดไว้ดังกล่าวเป็นเงินจำนวน 4,868,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี จนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนก่อนเจ้าหนี้สามัญรายอื่น
โจทก์คัดค้านว่า จำเลยที่ 3 ทำสัญญาจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไว้แก่ผู้ร้องเป็นเงิน 2,300,000 บาทกับยอมให้ดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ผู้ร้องจึงเรียกให้ชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองได้เพียงเท่าที่ระบุไว้ในสัญญาจำนองพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามส่วนเท่านั้น ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนองจำนวน 2,300,000 บาทก่อนเจ้าหนี้อื่น
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนโจทก์และเจ้าหนี้รายอื่นเป็นเงิน 2,300,000บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3กุมภาพันธ์ 2532 เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 9 มกราคม 2534นอกจากนี้แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 3 จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 805ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้ต่อผู้ร้องเพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ของนางสมนา รชตะไพโรจน์เป็นเงิน 2,300,000 บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ร้องร้อยละ 15 ต่อปี และการที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 นั้น ก็คือการฟ้องขอบังคับจำนองนั่นเอง และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 715(1) ทรัพย์สินซึ่งจำนองย่อมเป็นประกันเพื่อการชำระหนี้กับดอกเบี้ยด้วยโดยในส่วนดอกเบี้ยนั้น เมื่อหนี้จำนองเป็นหนี้เงินจึงต้องอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 224 วรรคหนึ่ง กล่าวคือเมื่อถึงกำหนดที่จะต้องชำระหนี้จำนองลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ก็ต้องถือว่าลูกหนี้ผิดนัด ลูกหนี้ต้องเสียดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี แต่ก็มีข้อยกเว้นว่าถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้น คดีนี้เมื่อตามสัญญาจำนองจำเลยที่ 3 ยอมให้ดอกเบี้ยแก่ผู้ร้องร้อยละ 15 ต่อปี ผู้ร้องก็ย่อมมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ในดอกเบี้ยอัตราดังกล่าวนับแต่วันผิดนัดคือวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2532 ซึ่งเป็นวันที่นางสมมาผิดนัดชำระดอกเบี้ยไปจนถึงวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแสดงจำนวนเงินที่จ่ายให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าหนี้บุริมสิทธิแต่ละคนเสร็จตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 319
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้ก่อนโจทก์และเจ้าหนี้รายอื่นในดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 2,300,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2532ไปจนถึงวันที่เจ้าพนักงานบังคับคดีทำบัญชีส่วนเฉลี่ยแสดงจำนวนเงินที่จ่ายให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าหนี้บุริมสิทธิแต่ละคนเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์