คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 837/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในเรือน ขณะที่กำลังจะออกจากเรือน บุตรของผู้เสียหายเห็น ได้ร้องขึ้น จำเลยลงจากเรือนแล้วใช้มีดแทงบุตรของผู้เสียหายตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกันอันเป็นความผิดทั้งฐานชิงทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และฐานฆ่าคนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 จึงเป็น กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ไม่ใช่เป็นความผิดหลายกรรม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 339 และมาตรา 289 ให้ลงโทษตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นกระทง ที่หนักตามมาตรา 91 ลดโทษแล้วคงลงโทษจำคุกตลอดชีวิต โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้ว่า จำเลยกระทำผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมาย หลายบทจึงแก้เฉพาะปรับบทลงโทษเป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 289 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90 ดังนี้คำพิพากษา เช่นว่านี้ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยยังฎีกาได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยใช้มีดแทงบุตรของผู้เสียหายตายเพื่อสะดวกแก่การชิงทรัพย์ เพื่อถือเอาผลประโยชน์และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 289

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 และมาตรา 289 ให้ลงโทษตามมาตรา 289 ซึ่งเป็นกระทงหนัก ตามมาตรา 91 วางโทษประหารชีวิต ลดรับสารภาพกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78, 52 คงจำคุกตลอดชีวิต

โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 วรรค 2

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทำผิดวาระเดียวเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท พิพากษาแก้เฉพาะปรับบทลงโทษเป็นว่า ลงโทษตามมาตรา289 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในเรือน ขณะที่ออกจากเรือนบุตรของผู้เสียหายเห็นร้องขึ้น จำเลยลงจากเรือนแล้วใช้มีดแทงบุตรของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดในวาระเดียวกันตั้งแต่ลักทรัพย์ไปจนถึงขั้นใช้กำลังประทุษร้าย จึงเป็นความผิดทั้งฐานชิงทรัพย์และฆ่าคนเป็นเรื่องผิดกฎหมายหลายบทมิใช่หลายกระทงส่วนกำหนดโทษพอสมควรแก่ความผิด

พิพากษายืน

Share