แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ภรรยาประพฤติตัวไม่ดี ชอบเล่นการพะนัน และไปค้างตามโรงแรม,สามีว่ากล่าวตักเตือน ก็ไม่เชื่อฟัง กลับทุบตีวิ วาทกับสามี ๆ จึงใช้มีดฟันภรรยามีบาดแผล 11 แห่ง ภรรยาถึงแต่ความตายและจำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนมีประ โยชน์แก่การพิจารณา ดังนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยสมควรได้รับความปราณี ลดโทษตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่ง.
การที่ฝ่ายหนึ่งตบหน้า อีกฝ่ายหนึ่งก็เอามีดฟัน พฤติการณ์ทั้งนี้เป็นเรื่องวิวาท จะอ้างว่าป้องกันหรือถูกยั่วโทษะไม่
ได้./
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบังอาจใช้มีดฟันนางวิเชียร ภรรยาจำเลยตาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙ และเพิ่มโทษตามมาตรา ๗๒.
จำเลยปฏิเสธ แต่รับข้อเคยต้องโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙ จำคุก ๑๕ ปี เพิ่มโทษตามมาตรา ๗๒ อีก ๑ ใน ๓ เป็น โทษจำคุก ๒๐ ปี.
จำเลยอุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์ลดโทษให้ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๕๙ ลง ๑ ใน ๓ พิพากษาแก้โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน คงให้ จำคุก ๑๕ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทำร้ายภรรยาจำเลยตายโดยเจตนาจริง โดยเห็นว่าเป็นเรื่องวิวาทกัน จำเลยจะอ้าง ว่ากระทำโดยป้องกันหรือถูกยั่วโทษะย่อมฟังไม่ขึ้น แต่ศาลฎีกาเห็นว่านางวิเชียรประพฤติตัวไม่ได้ จำเลยว่ากล่าวตัก เตือนกลับทุบตีวิวาท จนจำเลยฆ่านางวิเชียรตายลง และจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนมีประโยชน์แก่การ
พิจารณาจำเลยสมควรได้รับความปราณีตามมาตรา ๕๙ กึ่งหนึ่ง
จึงพิพากษาแก้ว่า เมื่อได้เพิ่มโทษและลดโทษแล้ว คงให้จำคุกจำเลยไว้ มีกำหนด ๑๐ ปี.