คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8362/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. มาตรา 280 เป็นเพียงบทสันนิษฐานเพื่อประโยชน์แห่งบทบัญญัติในภาค 4 ว่าด้วยวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาและการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ให้ถือว่าบุคคลตามที่ระบุไว้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีเท่านั้น มิได้หมายความว่าบุคคลอื่นนอกจากที่ระบุไว้จะเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ได้
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ย่อมกระทบกระเทือนต่อประโยชน์ส่วนได้เสียของผู้ซื้อทรัพย์ได้โดยตรง จึงต้องให้โอกาสผู้ซื้อทรัพย์ได้โต้แย้งคัดค้านด้วย การที่ศาลชั้นต้นไม่ส่งสำเนาคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เสียก่อนไต่สวนคำร้อง เป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.ว่าด้วยการพิจารณา

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยทั้งห้าผิดสัญญา โจทก์จึงขอให้ศาลออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึด ที่ดินของจำเลยที่ ๑ รวม ๑๖ แปลง ออกขายทอดตลาด โดยบริษัท ม. เป็นผู้ซื้อได้ในราคา ๙๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินทั้งสิบหกแปลง และให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ดำเนินการขายทอดตลาดใหม่ ศาลชั้นต้นรับคำร้อง นัดไต่สวน สำเนาให้โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดี
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
เจ้าพนักงานบังคับคดียื่นคำแถลงเป็นรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขายทอดตลาดว่า จำเลยที่ ๑ ได้รับประกาศขายโดยชอบ แต่ไม่มาดูแลการขาย ถือว่าไม่คัดค้านราคา และราคาที่ผู้ประมูลได้เป็นราคาพอสมควรแล้ว
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง ๑๖ แปลง ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๔๑ ให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ให้ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ส่งสำเนาคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดแก่บริษัทแมนสรร จำกัด แล้วทำการไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาด ศาลชั้นต้น มีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องให้ส่งสำเนาคำร้องแก่โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยไม่ได้สั่งให้ส่งสำเนาแก่บริษัท ม. ผู้ซื้อด้วย คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาเพียงว่า บริษัท ม. เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๐ เป็นเพียงบทสันนิษฐานเพื่อประโยชน์แห่งบทบัญญัติในภาค ๔ ว่าด้วยวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา และการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ที่ให้ถือว่าบุคคลตามที่ระบุไว้เป็นผู้มีส่วนได้เสียในวิธีบังคับคดีเท่านั้น มิได้หมายความว่าบุคคลอื่นนอกจากที่ระบุไว้จะเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าบริษัท ม. เป็นผู้ซื้อทรัพย์ได้จากการขายทอดตลาด การที่จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด ย่อมกระทบกระเทือนต่อประโยชน์ส่วนได้เสียของบริษัท ม. ผู้ซื้อทรัพย์ได้โดยตรง จึงต้องให้โอกาสบริษัท ม. ได้โต้แย้งคัดค้านด้วย การที่ศาลชั้นต้นไม่ส่งสำเนาคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดให้แก่บริษัท ม. เสียก่อนไต่สวน คำร้อง เป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นแล้วดำเนินการไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดใหม่ตั้งแต่ชั้นส่งสำเนาคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดให้แก่บริษัท ม. และมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๑ และ ที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share