คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8343/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเพียงผู้ขับและครอบครองรถยนต์คันที่ถูกจำเลย ชนโดยละเมิด แต่โจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์คันดังกล่าวและไม่ปรากฏว่าการที่โจทก์ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวทำให้โจทก์ ต้องมีหน้าที่ซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวให้อยู่ในสภาพเดิมด้วย ดังนี้ แม้โจทก์จะนำรถยนต์ไปซ่อมและเสียค่าซ่อมรถยนต์ ก็ตามโจทก์ก็มิใช่ผู้ได้รับความเสียหายในส่วนของค่าซ่อม ดังกล่าวจากการกระทำละเมิดของจำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยด้วยตนเอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ครอบครองและผู้ขับรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 1 ป – 3419 กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9เมษายน 2536 เวลาประมาณ 17 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างหรือตัวแทนหรือผู้รับใช้ของจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ตู้หมายเลขทะเบียนม – 1230 สกลนคร ของจำเลยที่ 2 ในทางการที่จ้างหรือตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 2 ได้รับประโยชน์ด้วยความประมาทชนท้ายรถยนต์คันที่โจทก์ขับ ทำให้รถยนต์คันที่โจทก์ขับได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระค่าซ่อมแซมรถยนต์คันที่โจทก์ขับเป็นเงิน 29,300 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันทำละเมิดจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน 2,197 บาท รวมเป็นเงิน 31,497 บาทและดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 29,300 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองและผู้ขับรถยนต์ หมายเลขทะเบียน 1 ป – 3419 กรุงเทพมหานครในขณะเกิดเหตุ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายว่าการที่โจทก์เป็นผู้ขับและครอบครองรถยนต์คันที่ถูกชน ถือว่าโจทก์เป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกทำละเมิดและมีอำนาจฟ้องเรียกค่าซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวได้หรือไม่ คดีนี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนซึ่งศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นผู้ขับและครอบครองรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน 1 ป – 3419 กรุงเทพมหานคร ขณะที่โจทก์ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปถึงที่เกิดเหตุจำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์ตู้หมายเลขทะเบียน ม – 1230 สกลนคร ตามหลังด้วยความเร็วและชนท้ายรถยนต์คันที่โจทก์ขับด้วยความประมาทได้รับความเสียหายโจทก์เสียค่าซ่อมเป็นเงิน 29,300 บาท เห็นว่า โจทก์เป็นเพียงผู้ขับและครอบครองรถยนต์คันที่ถูกชน โดยโจทก์มิใช่เจ้าของรถยนต์คันดังกล่าว และไม่ปรากฏว่าการที่โจทก์ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวทำให้โจทก์ต้องมีหน้าที่ซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวให้อยู่ในสภาพเดิมด้วย แม้โจทก์จะนำรถยนต์ไปซ่อมและเสียค่าซ่อมรถยนต์ก็ตามโจทก์ก็มิใช่ผู้ได้รับความเสียหายในส่วนของค่าซ่อมดังกล่าวจากการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองด้วยตนเอง
พิพากษายืน

Share