คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834-835/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่มีตราจองแล้ว ต้องทำกัน ณ ที่หอทะเบียนที่ดิน จึงจะสมบูรณ์ จะทำกันที่อำเภอไม่ได้ตกเป็นโมฆะ

ย่อยาว

คดี ๒ สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นได้พิจารณาพิพากษารวมเป็นคดีเดียวกัน
โจทก์จำเลยต่างพิพาทเถียงกรรมสิทธิกันในที่ดินพิพาทนายอรุณโจทก์อ้างว่า ซื้อที่พิพาททั้งหมดจากนางอิน ฝ่ายนายโถและนางผิวอ้างว่าได้ที่พิพาทมาโดยทางมรดก นายโถได้ที่ด้านใต้ นางผิวได้ด้านเหนือ
ศาลชั้นต้นฟังว่า นายอรุณซื้อที่พิพาททั้งหมดมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว จึงพิพากษาให้นายอรุณชนะคดีทั้ง ๒ สำนวน
นางผิดและนายโถอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้นางผิวนายโถชนะคดี
นายอรุณฎีกาทั้งสองสำนวน
ศาลฎีกาเห็นว่า นางผิวนางเหม (ภรรยานายโถ) ได้เข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทเพื่อตนด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกิน ๑๐ ปี ย่อมได้สิทธิครอบครองตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๖๗,๑๓๗๐
อีกประการหนึ่งที่พิพาทเป็นที่มีตราจอง จะต้องทำสัญญาซื้อขายกันที่หอทะเบียนที่ดินมีประกาศกระทรวงเกษตรธิการที่ ๙ กันยายน ๒๔๘๑ ตั้งพนักงานจะเพ็ชรบุรี เป็นพนักงานที่+อีกตำแหน่งแต่สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับนางอินทำกันที่อำเภอ จึงตกเป็นโมฆะ
จึงพร้อมกันพิพากษายืน

Share