แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์นั้น พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ ฯ มิได้มีบทบัญญัติให้ต้องทำเป็นหนังสือ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 4,851,250 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยลงประกาศผลคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ คมชัดลึก ผู้จัดการรายวัน กรุงเทพธุรกิจ และหนังสือพิมพ์ประเภทเดียวกัน ขนาดหน้าประกาศมีพื้นที่เศษหนึ่งส่วนสี่ของหน้าประกาศ จำนวน 7 วัน ติดต่อกันโดยจำเลยชำระค่าใช้จ่าย ห้ามจำเลยละเมิดต่อโจทก์อีก
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษายกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อแรกว่า สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ต้องทำเป็นหนังสือหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 15 (5) มิได้บัญญัติให้สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ต้องทำเป็นหนังสือ ต่างกับพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 ที่มาตรา 68 วรรคสอง บัญญัติให้สัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้า ส่วนพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 16 ก็มิใช่บทบัญญัติที่กำหนดให้สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ต้องทำเป็นหนังสือ เป็นเพียงบทบัญญัติกำหนดให้การตัดสิทธิมิให้เจ้าของลิขสิทธิ์อนุญาตให้ผู้อื่นใช้ลิขสิทธิ์ที่มีการอนุญาตแล้วต้องระบุไว้ในหนังสืออนุญาตเท่านั้น อีกทั้งกรณีที่กฎหมายต้องการให้สัญญาเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เรื่องใดต้องทำเป็นหนังสือแล้วก็ต้องบัญญัติไว้ดังเช่นการโอนลิขสิทธิ์ซึ่งตามมาตรา 17 วรรคสาม บัญญัติไว้ชัดแจ้งว่าการโอนลิขสิทธิ์ซึ่งมิใช่ทางมรดกต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอนและผู้รับโอน ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าสัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ต้องทำเป็นหนังสือ มิฉะนั้น สัญญาอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์เป็นโมฆะ จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ…
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ.