คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนทรัพย์สินตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย 2483 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องระบุในคำร้องขอด้วยว่าลูกหนี้ได้กระทำการโอนทรัพย์สินนั้นในระยะเวลาสามปีก่อนล้มละลาย
พฤติการณ์ที่แสดงว่าลูกหนี้ได้ทำการโอนทรัพย์สินโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น

ย่อยาว

คดีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องว่าจำเลยถูกฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลาย และศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว ปรากฏว่า เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๐๑ อันเป็นระยะเวลาภายใน ๓ เดือนก่อนถูกฟ้องล้มละลาย จำเลยได้ขายที่ดินแปลงหนึ่งให้แก่ผู้คัดค้านในราคาต่ำกว่าราคาจริง ทำให้เจ้าหนี้อื่น ๆ ของจำเลยเสียเปรียบ ต้องห้ามตามมาตรา ๑๑๔, ๑๑๕ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ๒๔๘๓ ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนขายรายนี้
ผู้คัดค้านว่าได้รับโอนที่ดินโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนการโอน
ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนการจดทะเบียนขาย
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามมาตรา ๑๑๔ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ระบุถึงการโอนทรัพย์สินซึ่งลูกหนี้ได้กระทำในระยะเวลาสามปีก่อนล้มละลาย แต่ตามคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้ระบุเลยว่า ลูกหนี้ได้กระทำการโอนทรัพย์ในระยะเวลาสามปีก่อนล้มละลายคำร้องขอให้เพิกถอนการโอนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงต้องด้วยมาตรา ๑๑๔ และเห็นว่าการที่จำเลยกับผู้คัดค้านไปทำการโอนกรรมสิทธิ์กันก่อนจำเลยถูกฟ้องขอให้ล้มละลายเพียงสิบกว่าวัน มีการชำระเงินด้วยออกเช็คล่วงหน้าไม่ใช่ชำระเงินสด และการที่ทำการโอนกันอย่างเร่งรีบก่อนชำระเงินหมด แสดงว่าทั้งสองฝ่ายร่วมรู้คบคิดกัน พฤติการณ์ในคดีนี้เป็นกรณีที่ลูกหนี้ได้กระทำโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งได้เปรียบเจ้าหนี้คนอื่นตามความหมายในมาตรา ๑๑๕ แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนการโอนได้
พิพากษายืน.

Share