คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2477

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องอุทธรณ์ข้อใดที่ศาลเดิมสั่งไม่รับแลผู้อุทธรณ์ก็มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลเดิมแล้วดังนี้ ศาลอุทธรณ์ไมมีอำนาจหยิบยกเอาอุทธรณ์ข้อนั้นขึ้นมาวินิจฉัยเองได้ เมื่อศาลฎีกากลับให้ฝ่ายชนะคดีชั้นอุทธรณ์แพ้คดีในประเด็นที่เขาชนะมา ก็ต้องวินิจฉัยถึงประเด็นข้ออื่นที่เขายกขึ้นเถียงในชั้นอุทธรณ์ด้วย

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีแป้งเชื้อหมักส่าสำหรับทำสุราเถื่อน ขอให้ลงโทษต่อมาเมื่อสืบพะยานโจทก์ไปได้ปากหนึ่ง โจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยมีและกินน้ำสุราเถื่อนเจ้าพนักงานจับของกลางได้ ขอให้ลงโทษ
ศาลเดิมฟัวว่าจำเลยมีสุราเถื่อนพิพากษาให้ปรับจำเลย ๘๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ว่า (๑) โทษฐานมีสุราเถื่อนโจทก์มาร้องภายหลังเมื่อสืบพะยานแล้วจะฟังมาลงโทษจำเลยไม่ได้ (๒) ที่ว่ามีสุราเถื่อนก็ปรากฎมีแต่กลิ่นเท่านั้น
ศาลเดิมเห็นว่าอุทธรณ์ข้อ ๑ เป็นปัญหากฎหมาย แต่ข้อ ๒. เป็นข้อเท็จจริงอุทธรณ์ไม่ได้
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์จำเลยทั้ง ๒ ข้อเกี่ยวเนื่องกัน จึงรับไว้พิจารณาทั้ง ๒ ข้อ ในประเด็นข้อแรกศาลอุทธรณ์เห็นชอบด้วยศาลเดิม ส่วนในข้อ ๒ เห็นว่าศาลเดิมฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่าการรับฟ้องอุทธรณ์เป็นหน้าที่ศาลเดิมตรวจพิจารณาว่าจะควรรับส่งไปศาลอุทธรณ์หรือไม่ตามพ.ร.บ.ลักษณอุทธรณ์ พ.ศ.๒๔๗๓ ม.๖ เมื่อศาลเดิมไม่รับอุทธรณ์แลผู้อุทธรณ์มิได้อุทธรณ์คัดค้าานคำสั่งศาลเดิมตาม ม.๗ แล้วก็ไม่มีฟ้องอุทธรณ์ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยศาลอุทธรณ์จะยกเอาเหตุว่าอุทธรณ์จำเลยทั้ง ๒ ข้อเกี่ยวเนื่องกันนั้นไม่ได้ ฉะนั้นข้อที่ว่าจำเลยมีสุราเถื่อนหรือไม่จึงเป็นอันยุติตามคำตัดสินชั้นศาลเดิม เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ยื่นคำร้องเพิ่มเติมฟ้องได้ซึ่งศาลฎีกาเห็นชอบด้วย จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามศาลเดิม แล้วพิพากษายืนตามศาลเดิม

Share