คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8324/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า จ. ใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีก่อนยื่นใบลาออก ขณะยื่นใบลาหยุดพักผ่อนประจำปี จ. อาจจะยังไม่คิดลาออกก็ได้ จึงเป็นการใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีโดยสุจริต จำเลยอุทธรณ์ว่า ในขณะยื่นใบลาหยุดพักผ่อนประจำปี จ. ประสงค์จะลาออก จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง
พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 67 กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วนเฉพาะกรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างและลูกจ้างมิได้มีความผิดตามมาตรา 119 การที่กฎหมายกำหนดให้นำความผิดตามบทบัญญัติในมาตรา 119 มาประกอบการพิจารณาการได้ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีของลูกจ้างเพราะความผิดดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่จะชี้ว่านายจ้างเลิกจ้างด้วยเจตนากลั่นแกล้งไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปจนครบ 1 ปีหรือไม่ ถ้าลูกจ้างไม่มีความผิดตามมาตรา 119 แต่ถูกเลิกจ้าง ถือว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควรและเป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้าง ทำให้ลูกจ้างไม่อาจทำงานต่อไปได้และต้องเสียสิทธิที่จะได้หยุดพักผ่อนประจำปีตามมาตรา 30 ดังนั้น ในปีที่เลิกจ้างแม้ลูกจ้างจะทำงานยังไม่ครบ 1 ปี นายจ้างจะต้องชดใช้สิทธิที่ลูกจ้างต้องเสียไปจากการกระทำโดยไม่ชอบของนายจ้างด้วยการจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างตามส่วนของวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิ
การจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วนในปีที่เลิกจ้างตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 67 หาได้นำมาใช้บังคับแก่กรณีลูกจ้างลาออกจากงานโดยความสมัครใจด้วยไม่ เพราะการลาออกโดยความสมัครใจของลูกจ้างย่อมไม่เป็นการกลั่นแกล้งของนายจ้าง
ลูกจ้างที่ลาออกจะมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างรวมทั้งในปีก่อนและจะได้ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีหรือไม่ เพียงใด ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 30 และมาตรา 56
ในปีที่ จ. ลูกจ้างลาออก นายจ้างกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้าง 13 วัน และก่อนลาออก นายจ้างอนุญาต จ. ให้ลาหยุดพักผ่อนประจำปี 8 วัน การหยุดพักผ่อนประจำปีดังกล่าวเป็นการหยุดตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันโดยสุจริตจึงเป็นวันหยุดพักผ่อนประจำปีโดยชอบของลูกจ้าง เมื่อลูกจ้างหยุดพักผ่อนประจำปีตามสิทธิและตามวันที่ได้ตกลงกับโจทก์ไปแล้วก่อนลาออก โจทก์ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีเต็มจำนวน 8 วัน ให้แก่ลูกจ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งของพนักงานตรวจแรงงานที่ 62/2543 ที่สั่งให้โจทก์จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่นายจิรพัฒน์ จำนวน 5,727.32 บาท
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่า นายจิรพัฒน์ เป็นลูกจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2530 ถึงว้นที่ 29 กุมภาพันธ์ 2543 ได้รับค่าจ้างเดือนละ 31,240 บาท และมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีในปี 2543 ได้ 13 วัน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2543 นายจิรพัฒน์ลาหยุดพักผ่อนประจำปีรวม 8 วัน โดยโจทก์อนุญาต เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 นายจิรพัฒน์ลาออกโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2543 ถือได้ว่าโจทก์ในฐานะนายจ้างและนายจิรพัฒน์ในฐานะลูกจ้างได้ตกลงกันให้นายจิรพัฒน์หยุดพักผ่อนประจำปี 2543 รวม 8 วัน จึงเป็นการหยุดพักผ่อนประจำปีที่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการใช้สิทธิของลูกจ้างโดยสุจริต โจทก์ไม่มีสิทธิหักค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี 2543 ที่นายจิรพัฒน์ได้ลาหยุดไปแล้วก่อนลาออก คำสั่งของจำเลยชอบแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ข้อแรกว่า นายจิรพัฒน์ยื่นใบลาหยุดพักผ่อนประจำปีเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2543 เพื่อลาหยุดตั้งแต่วันที่ 26 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2543 ต่อมาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 นายจิรพัฒน์ลาออกจากการเป็นลูกจ้างโจทก์ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2543 อันเป็นการปิดบังข้อเท็จจริงที่รู้อยู่แล้ว ในขณะยื่นใบลาหยุดพักผ่อนประจำปีว่าประสงค์จะลาออก ถือได้ว่าเป็นการใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีโดยไม่สุจริตนั้น เห็นว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่านายจิรพัฒน์ใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีก่อนยื่นใบลาออก ขณะยื่นใบลาหยุดพักผ่อนประจำปีนายจิรพัฒน์อาจจะยังไม่คิดลาออกก็ได้ การใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีของนายจิรพัฒน์จึงเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต อุทธรณ์ข้อนี้จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง อันเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ที่โจทก์อุทธรณ์ข้อสุดท้ายว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 67 บัญญัติให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างตามส่วนของวันหยุดพักผ่อนประจำปีเท่านั้น มิได้กำหนดว่าเป็นค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ได้ใช้สิทธิหยุดแล้วหรือยังไม่ได้ใช้สิทธิหยุด โจทก์จึงนำวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่นายจิรพัฒน์หยุดไปแล้วก่อนลาออกจำนวน 8 วัน มารวมคำนวณเพื่อจ่ายค่าจ้างตามส่วนของวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างได้นั้น เห็นว่า พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 67 กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วนเฉพาะกรณีที่ลูกจ้างมิได้มีความผิดตาม มาตรา 119 การที่กฎหมายกำหนดให้นำความผิดตามบทบัญญัติในมาตรา 119 มาประกอบการพิจารณาการได้ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีของลูกจ้าง เพราะความผิดดังกล่าวเป็นข้อเท็จจริงที่จะชี้ว่า นายจ้างเลิกจ้างด้วยเจตนากลั่นแกล้งไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปจนครบ 1 ปีหรือไม่ ถ้าลูกจ้างไม่มีความผิดตามมาตรา 119 แต่ถูกเลิกจ้าง ถือว่าเป็นการเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุอันสมควรและเป็นการกลั่นแกล้งลูกจ้าง ทำให้ลูกจ้างไม่อาจทำงานต่อไปได้และต้องเสียสิทธิที่จะได้หยุดพักผ่อนประจำปีตามมาตรา 30 ดังนั้น ในปีที่เลิกจ้างแม้ลูกจ้างจะทำงานยังไม่ครบ 1 ปี นายจ้างจะต้องชดใช้สิทธิที่ลูกจ้างต้องเสียไปจากการกระทำโดยไม่ชอบของนายจ้างด้วยการจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างตามส่วนของวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ลูกจ้างพึงมีสิทธิ
การจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 67 จะพึงมีได้เฉพาะกรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้าง และลูกจ้างไม่มีความผิดตามมาตรา 119 เท่านั้น หาได้นำมาใช้บังคับแก่กรณีลูกจ้างลาออกจากงานโดยความสมัครใจด้วยไม่ เพราะการลาออกโดยความสมัครใจของลูกจ้างย่อมไม่เป็นการกลั่นแกล้งของนายจ้าง นายจ้างจึงไม่ต้องชดใช้สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีที่ลูกจ้างต้องเสียไปจากการลาออกโดยการจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่ลาออกตามส่วนตามมาตรา 67
ลูกจ้างที่ลาออกจะมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่เลิกจ้างรวมทั้งในปีก่อนและจะได้ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีหรือไม่ เพียงใด ต้องเป็นไปตามมาตรา 30 และมาตรา 56
ในปีที่นายจิรพัฒน์ลูกจ้างลาออกโจทก์ในฐานะนายจ้างกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้าง 13 วัน และก่อนลาออกนายจ้างอนุญาตให้นายจิรพัฒน์ลาหยุดพักผ่อนประจำปี 8 วัน การหยุดพักผ่อนประจำปีดังกล่าวเป็นการหยุดตามที่โจทก์และนายจิรพัฒน์ตกลงกันโดยสุจริต จึงเป็นวันหยุดพักผ่อนประจำปีโดยชอบของลูกจ้าง แต่ถ้าขณะลาออกนายจิรพัฒน์ยังไม่ได้หยุดพักผ่อนประจำปี หรือหยุดแล้วแต่ยังไม่ครบ 13 วัน ซึ่งเป็นกรณีนายจ้างกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีทั้ง 13 วัน หรือบางส่วนไว้ล่วงหน้าและเป็นวันหลังจากวันที่นายจิรพัฒน์ลาออกนายจิรพัฒน์ก็จะไม่ได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีและไม่มีสิทธิให้นายจ้างนำวันหยุดพักผ่อนประจำปีที่ยังไม่ได้หยุดมาเฉลี่ยเพื่อจ่ายค่าจ้างสำหรับพักผ่อนประจำปีในปีที่ลาออกได้ เมื่อนายจิรพัฒน์หยุดพักผ่อนประจำปีตามสิทธิและตามวันที่ได้ตกลงกับโจทก์ไปแล้วก่อนลาออก โจทก์ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีเต็มจำนวน 8 วันให้แก่นายจิรพัฒน์คำสั่งของจำเลยชอบแล้ว ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้องต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์โจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share