คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อคำพยานโจทก์และปล่อยจำเลยอื่นที่อุทธรณ์ แต่จำเลยนี้ถูกฟ้องในข้อหาเดียวกันมิได้อุทธรณ์ จำเลยนี้จะฎีกาว่าควรจะปล่อยจำเลยนี้ผู้ที่มิได้อุทธรณ์นั้นด้วย ย่อมไม่ได้ เพราะปัญหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่เชื่อพยานโจทก์และปล่อยจำเลยอื่นที่ยื่นอุทธรณ์ขึ้นมานั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่พยานเบิกความพาดพิงถึงจำเลยที่อุทธรณ์ขึ้นมาเป็นคนๆไป ทั้งยังมีคำรับสารภาพของจำเลยแต่ละคนอีกด้วย ดังนี้ จึงมิใช่เป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี
หมายเหตุ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้ง 4 ฐานรับของโจรจำเลยที่ 2,3,4 อุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ไม่อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องปล่อยจำเลยที่ 2,3,4 ดังนี้ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ควรพิพากษาปล่อยจำเลยที่1 ด้วย เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี เช่นนี้ ศาลฎีการับวินิจฉัยได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันลักหรือรับของโจรซึ่งโคของนายจอม เหลาแตว ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 83 และเพิ่มโทษจำเลยที่ 4 ตามมาตรา 92

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิด จำเลยที่ 4 รับว่าเคยต้องโทษจริง

ศาลชั้นต้นเชื่อว่าจำเลยทั้งสี่กระทำผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน จำเลยที่ 1 ที่ 2 อายุ 18 และ 20 ปีตามลำดับ ลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ 1 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 4 อีกหนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี

จำเลยที่ 2, 3, 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำเบิกความพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อคำรับสารภาพจำเลยชั้นสอบสวนจำเลยว่ารับเพราะถูกเจ้าพนักงานทำร้าย ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ พยานฐานที่อยู่ของจำเลยมีน้ำหนักฟังได้ พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องปล่อยนายเจริญจำเลยที่ 2 นายแท่งจำเลยที่ 3 นายไงจำเลยที่ 4 ไป

โจทก์ฎีกาว่า นายเจริญ นายแท่ง นายไง จำเลยได้กระทำความผิดดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย

นายโกกจำเลยที่ 1 ฎีกาว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อคำพยานโจทก์จำเลยถูกฟ้องในข้อหาอย่างเดียวกัน แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาปล่อยจำเลยอื่นก็ต้องปล่อยจำเลยที่ 1 ด้วย เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดี

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาที่โจทก์ฎีกาว่า นายเจริญ นายแท่ง นายไง ได้กระทำผิดตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิด ที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้นั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่นายโกกจำเลยที่ 1 ฎีกาว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อคำพยานโจทก์ แต่จำเลยถูกฟ้องในข้อหาอย่างเดียวกัน แม้จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาปล่อยจำเลยอื่น ก็ควรปล่อยจำเลยผู้นี้ด้วย เพราะเป็นเหตุในลักษณะคดีนั้นศาลฎีกาเห็นว่า ปัญหาที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่เชื่อพยานโจทก์ปล่อยจำเลยอื่นที่อุทธรณ์ขึ้นมานั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามที่พยานเบิกความพาดพิงถึงจำเลยที่อุทธรณ์ขึ้นมาเป็นคน ๆ ไป ทั้งยังมีคำรับสารภาพของจำเลยแต่ละคนอีกด้วย มิใช่เป็นเหตุในลักษณะคดี

พิพากษายืน

Share