คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 832/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ตั้งรูปคดีฟ้องร้องขอแบ่งทรัพย์โดยอ้างว่าลงทุนเป็นหุ้นส่วน เมื่อฟังไม่ได้ว่าลงทุนเป็นหุ้นส่วน คดีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงการแบ่งทรัพย์ต่อไป
คดีเกิดขึ้นเนื่องจากการแตกร้าวระหว่างพี่น้อง ซึ่งต่างไม่ยอมปรองดองกัน ศาลจึงสั่งให้รวมค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง 2 ฝ่ายทั้ง 3 ศาลแล้วแบ่งกันเสียฝ่ายละครึ่งโดยไม่ต้องคำนึงถึงว่า ฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายแพ้คดีในที่สุด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์,จำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา ๆ ได้วายชนม์แล้ว โจทก์,จำเลยได้อยู่กินร่วมกันและประกอบอาชีพร่วมกัน ได้ออกทุนคนละ ๕๐๐ บาท โดยตกลงกันว่า เมื่อฝ่ายใดมีสามีแยกครอบครัวต้องเอาทรัพย์ทั้งหมดที่ทำมาหาได้มาแบ่งกันคนละครึ่ง นับแต่เป็นหุ้นส่วนกัน เกิดทรัพย์สินทำมาหาได้ตามบัญชี ก. ข. ท้ายฟ้อง จึงขอให้ศาลแบ่งทรัพย์ จำเลยให้การว่า ไม่เคยเข้าหุ้นกัน และไม่เคยตกลงแบ่งรายได้กันดังฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นเรื่องโจทก์,จำเลยอยู่ด้วยกัน และช่วยกันทำกิน หาใช่เป็นหุ้นส่วนไม่ พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า รูปเรื่องแสดงว่าอยู่กินร่วมกันฉันท์พี่น้อง เมื่อจำเลยซึ่งเป็นพี่ใหญ่มีสามี จึงเกิดการแตกร้าวถึงกับมาฟ้องร้องกัน โจทก์ตั้งรูปคดีฟ้องร้องขอแบ่งทรัพย์โดยอ้างว่าเป็นหุ้นส่วน เมื่อฟังไม่ได้เป็นหุ้นส่วน คดีก็ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงการแบ่งทรัพย์กันต่อไป พิพากษายืนแต่เป็นเรื่องแตกร้าวระหว่างพี่น้องซึ่งต่างไม่ยินยอมปรองดองกัน จึงเป็นเหตุให้ฟ้องร้องกันขึ้น จึงให้รวมค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง ๒ ฝ่าย ทั้ง ๓ ศาล แล้วแบ่งเสียคนละครึ่ง

Share