แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ถ้าศาลได้สั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ปฏิเสธฟ้องของโจทก์เพื่อให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยใหม่แล้ว โจทก์ก็ต้องฟ้องจำเลยตามข้อหาที่โจทก์ได้เสนอต่อศาลตามฟ้องเดิมของโจทก์เท่านั้น โจทก์จะมาฟ้องจำเลยในข้อหาอื่นหาได้ไม่
ย่อยาว
ได้ความว่า ในคดีก่อนอัยการฟ้องนายเฮง และนายแสวงจำเลยหาว่าฉ้อโกงหรือยักยอกเรือมาด ๑ ลำ ราคา ๕,๕๐๐ บาทของนายบำเพ็ญ นายเฮง รับสารภาพฐานฉ้อโกง ส่วนนายแสวงจำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะนายแสวงและให้โจทก์แยกฟ้องนายแสวงจำเลยใหม่ภายใน ๑๐ วัน แล้วพิพากษาลงโทษนายเฮง จำเลยในคดีนั้น โจทก์จึงฟ้องนายแสวงจำเลยนี้ เข้ามาใหม่โดยอาศัยการสอบสวนเดิมแต่ฟ้องในข้อหาฐานรับของโจรเรือมาดลำเดียวกันนี้
ศาลฎีกาพิพากษายืน ตามศาลทั้งสองให้ยกฟ้องโจทก์
ข้อวินิจฉัย ของศาลฎีกามีว่า ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๗๖ ที่แก้ไขใหม่โดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ.อ. (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๔๙๙ ม.๑ เป็นเรื่องกฎหมายที่ให้อำนาจศาลเป็นพิเศษไว้ในการที่จะสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ให้การปฏิเสธได้ตามที่เห็นสมควร เพื่อให้เป็นการสะดวกแก่การพิจารณาคดีที่จะกันไม่ให้จำเลยที่รับสารภาพแล้วต้องยุ่งยากชักช้าลำบากร่วมไปด้วยกับจำเลยที่ให้การปฏิเสธ หรือศาลจะพิจารณาคดีไปทั้ง ๆ ที่จำเลยบางคนรับสารภาพ จำเลยบางคนปฏิเสธก็ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าศาลได้สั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ปฏิเสธฟ้องของโจทก์เพื่อให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยใหม่แล้ว โจทก์ก็ต้องฟ้องจำเลยตามข้อหาที่โจทก์ได้เสนอต่อศาลตามฟ้องเดิมของโจทก์ คือ แยกสำนวนฟ้องใหม่ตามข้อหาเดิมเท่านั้น โจทก์จะมาฟ้องจำเลยในข้อหาอื่นหาได้ไม่ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องพิพากษายกฟ้อง