คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8297/2556

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 (8) โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ย่อมมีผลเท่ากับว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานพยายามฆ่าตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาพยายามฆ่า จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 และถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตาม ป.อ. มาตรา 297 (8) ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมนั้น เห็นว่า ในคดีส่วนอาญาข้อหาพยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องโดยยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย และคดีถึงที่สุด จึงเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญาแล้ว การพิพากษาคดีในส่วนแพ่งศาลจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญา เมื่อคดีในส่วนอาญาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดข้อหาดังกล่าว จำเลยจึงมิได้กระทำละเมิดอันจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 91, 288, 371 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณา นายวัชโรทัย ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ส่วนข้อหาพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร โจทก์ร่วมไม่เป็นผู้เสียหาย จึงไม่อนุญาต
โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าความเสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงิน และค่าเสียหายที่เสียความสามารถประกอบการงานรวมเป็นเงิน 536,170 บาท พร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน 80,425.50 บาท รวมเป็นเงิน 616,595.50 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยให้การในคดีส่วนแพ่งขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (8) ลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยได้บรรเทาผลร้าย โดยแจ้งเหตุแก่เจ้าพนักงานตำรวจหลังเกิดเหตุ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ริบอาวุธมีดของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก กับให้จำเลยชำระเงิน 106,170 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 มีนาคม 2548 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ร่วม คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง และยกคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนของโจทก์ร่วม ส่วนมีดของกลางให้คืนเจ้าของ
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (8) โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ย่อมมีผลเท่ากับว่าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาพยายามฆ่า จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 และถือไม่ได้ว่าโจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (8) ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมนั้น เห็นว่า ในคดีส่วนอาญาข้อหาพยายามฆ่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องโดยยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย และคดีถึงที่สุด จึงเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นประเด็นโดยตรงในคดีอาญาแล้ว การพิพากษาคดีในส่วนแพ่งศาลจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญา เมื่อคดีในส่วนอาญาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดข้อหาดังกล่าว จำเลยจึงมิได้กระทำละเมิดอันจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วม ฎีกาของโจทก์ร่วมข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share