คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8290/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวนแล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ครอบครองฝาสูบตัวอย่างของโจทก์เพื่อโต้แย้งสิทธิกันในทางแพ่งถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาเบียดบังฝาสูบตัวอย่างเป็นของจำเลยที่ 1 การที่โจทก์อุทธรณ์โดยอ้างข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อฟังว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการเบียดบังฝาสูบตัวอย่างของโจทก์ไปโดยสุจริตนั้นเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายถือเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ คดีของโจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 22 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาใช้บังคับในศาลจังหวัดฯ มาตรา 3

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352, 83

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคม 2541 โจทก์ได้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 หล่อฝาสูบเครื่องยนต์2 อัน ในราคาฝาอันแรกรวมค่าแบบไม้ 40,000 บาท ฝาอันที่ 2 ไม่รวมค่าแบบไม้ 10,000 บาท และได้มอบฝาสูบให้จำเลยที่ 1 เพื่อเป็นตัวอย่างแต่จำเลยที่ 1 ไม่สามารถหล่อฝาสูบเครื่องยนต์ 2 อันให้เสร็จในกำหนดคงมีแต่แบบไม้มาให้โจทก์ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาว่าจ้างกับจำเลยที่ 1และบอกให้จำเลยที่ 1 คืนฝาสูบตัวอย่างให้แก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1ไม่คืนให้แก่โจทก์ อ้างว่าโจทก์ต้องชำระค่าแบบไม้ให้แก่จำเลยที่ 1 ก่อนแล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ครอบครองฝาสูบตัวอย่างของโจทก์ไว้ระหว่างที่มีข้อโต้แย้งสิทธิทางแพ่งนั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาทุจริตเบียดบังฝาสูบตัวอย่างเป็นของจำเลยที่ 1 ยังไม่มีมูลความผิดอาญาฐานยักยอก พิพากษาให้ยกฟ้อง เห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 ครอบครองฝาสูบตัวอย่างของโจทก์ไว้แล้วไม่คืนให้โจทก์ จะมีความผิดอาญาฐานยักยอกนั้น จะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงในสำนวนว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เช่นนั้น มีเจตนาที่จะเบียดบังเอาฝาสูบตัวอย่างเป็นของตนหรือบุคคลที่สามโดยทุจริตหรือไม่ และการที่จำเลยที่ 1 ไม่คืนฝาสูบตัวอย่างให้แก่โจทก์โดยอ้างว่าโจทก์ต้องชำระค่าแบบไม้ให้แก่จำเลยที่ 1 ก่อนนั้น เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้สำหรับตนเองหรือบุคคลที่สามอันเป็นการกระทำโดยทุจริตหรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน แล้ววินิจฉัยว่าการที่จำเลยที่ 1ครอบครองฝาสูบตัวอย่างของโจทก์เพื่อโต้แย้งสิทธิกันในทางแพ่ง ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาทุจริตเบียดบังฝาสูบตัวอย่างเป็นของจำเลยที่ 1 การที่โจทก์อุทธรณ์โดยอ้างข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเพื่อฟังว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการเบียดบังฝาสูบตัวอย่างของโจทก์ไปโดยทุจริตนั้นเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ถือเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ คดีของโจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22ประกอบด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share