แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องฎีกาขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึดตามรายการ(ก)และ(ข) ถ้าปล่อยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดทรัพย์รายการ (ก)และ(ข) ไปในขณะนี้หากต่อมาศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดย่อมทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายและยากแก่การกลับคืนสู่ฐานะเดิมด้วยจึงขอศาลได้โปรดมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีแก่ทรัพย์ตามรายการดังกล่าวไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 67)
กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
คดีสืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์รวม4 รายการคือ (ก)เครื่องพิมพ์ยี่ห้อการ์โฟพร้อมอุปกรณ์ 1 เครื่อง(ข)เครื่องตัดกระดาษยี่ห้อแม็กซีม่า1เครื่อง(ค) เครื่องเย็บเข้าเล่มกระดาษยี่ห้อฮิตาชิ1เครื่องและ(ง) เครื่องล้างลูกกลิ้งไม่ปรากฏยี่ห้อ1 เครื่อง โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์ของจำเลยเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ทั้ง 4รายการดังกล่าวเป็นของผู้ร้องโดยผู้ร้องได้ซื้อมาจากผู้มีชื่อ มิใช่ทรัพย์ของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธินำยึด ขอให้ศาลสั่งปล่อยทรัพย์ดังกล่าวคืนแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ปล่อยทรัพย์พิพาทตามรายการ (ก)และ(ข)แก่ผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำร้องของผู้ร้องในส่วนที่ขอให้ปล่อยทรัพย์ตามรายการ (ก)และ(ข) เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 62,61)
คำสั่ง
คำร้องของผู้ร้องพอแปลได้ว่า ผู้ร้องขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 พิเคราะห์แล้วเห็นสมควรให้งดการขายหรือจำหน่ายทรัพย์พิพาทตามรายการ (ก)และ(ข) ระหว่างฎีกา