แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้เหตุที่เรือชนกันจะเกิดจากการกระทำโดยประมาทของฝ่ายจำเลย เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่ฝ่ายโจทก์ก็มีส่วนกระทำโดยประมาทก่อให้เกิดความเสียหายด้วยโดยไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการที่ตัวแทนหรือลูกจ้างของจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ในทางการที่จ้างดังนั้นจำเลยจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์มากน้อยเพียงใดก็ต้องพิจารณาว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร ตาม ป.พ.พ. มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 442 เมื่อจำเลยให้การว่าเหตุที่เรือชนกันไม่ใช่เพราะความผิดของฝ่ายจำเลยแต่เป็นความผิดของฝ่ายโจทก์การที่ศาลวินิจฉัยว่าเหตุละเมิดเกิดจากการกระทำโดยประมาทของฝ่ายโจทก์ด้วย จึงเป็นการวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ของจำเลย ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า ขณะที่เรือลำเลียงของโจทก์แล่นอยู่ในแม่น้ำสมุทรสาคร นายท้ายเรือซึ่งเป็นตัวแทนและลูกจ้างของจำเลยทั้งสองได้แล่นเรือของจำเลยทั้งสองไปในทางการที่จ้าง ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย เป็นเหตุให้เรือของจำเลยแล่นชนกาบซ้ายเรือโจทก์ ทำให้เรือของโจทก์ชำรุดเสียหาย เสียค่าซ่อมแซมและค่าขาดประโยชน์ที่ควรได้รวมเป็นเงิน ๓๕๔,๗๓๗.๕๐ บาท จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนายจ้างของลูกเรือผู้ทำละเมิดต้องรับผิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิด
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของเรือคันที่ถูกชน การที่เรือชนกันไม่ใช่ความผิดของฝ่ายจำเลย แต่เป็นความผิดของฝ่ายโจทก์ นายเรือในขณะนั้นไม่ใช่เป็นตัวแทนและลูกจ้างที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งหรือในทางการที่จ้างของจำเลยทั้งสอง ค่าซ่อมแซมเรือโจทก์ไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ เรือของจำเลยได้รับความเสียหายเป็นเงิน ๔๕๐,๐๐๐ บาท ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุเรือฝ่ายโจทก์ทั้งสองแล่นตัดแม่น้ำจากทางฝั่งขวาไปทางฝั่งซ้ายโดยไม่มีสัญญาณไฟ เป็นการกระทำโดยประมาท แม้ว่าเหตุที่เรือชนกันจะเกิดจากการกระทำโดยประมาทของฝ่ายจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย แต่ฝ่ายโจทก์ทั้งสองก็มีส่วนกระทำโดยประมาทก่อให้เกิดความเสียหายด้วยโดยไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ซึ่งจำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง ที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่าคดีนี้มีประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดว่า นายท้ายเรือซึ่งเป็นตัวแทนหรือลูกจ้างได้ขับเรือของจำเลยทั้งสองโดยประมาทชนเรือโจทก์จริงหรือไม่ ที่ศาลวินิจฉัยว่าเหตุละเมิดเกิดจากการกระทำโดยประมาทของฝ่ายโจทก์ด้วย เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการที่ตัวแทนหรือลูกจ้างของจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ไปในทางการที่จ้าง ซึ่งค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยจะต้องรับผิดใช้ให้แก่โจทก์มีมากน้อยเพียงใดก็ต้องพิจารณาว่าความเสียหายนั้นได้เกิดขึ้นเพราะฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไรด้วย ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา๒๒๓ ประกอบด้วยมาตรา ๔๔๒ ในข้อนี้จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่าเหตุที่เรือชนกันไม่ใช่เพราะความผิดของฝ่ายจำเลยแต่เป็นความผิดของฝ่ายโจทก์ การที่ศาลวินิจฉัยว่า เหตุละเมิดเกิดจากการกระทำโดยประมาทของฝ่ายโจทก์ด้วย จึงเป็นการวินิจฉัยตามข้อต่อสู้ของจำเลยว่า จำเลยมิได้เป็นฝ่ายประมาทแต่โจทก์เป็นฝ่ายประมาท ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นดังที่โจทก์ทั้งสองฎีกา
พิพากษายืน.