แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถูกผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญฟ้องเรียกเงินคืน จำเลยจะฟ้องแย้ขอให้ถอดถอนผู้ชำระบัญชีนั้น ไม่ได้เพราะแม้จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้ พิจารณาแล้วพิพากษาให้ถอดถอนผู้ชำระบัญชี ฟ้องของผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ยังคงมีอยู่ การถอดถอนผู้ชำระบัญชีในภายหลัง หาได้กระทบกระเทือนความรับผิดของจำเลยต่อห้างหุ้นส่วนสามัญนั้นแต่ประการใดไม่ ถ้าหากผู้ชำระบัญชีซึ่งได้เป็นผู้ชำระบัญชีอยู่ในเวลาฟ้องนั้นมีอำนาจเรียกร้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญ “สหการแพทย์สถาน” ปรากฏจากการชำระบัญชีว่าจำเลยได้เบิกเงินไปจากห้างหุ้นส่วนสามัญ “สหการแพทย์สถาน” เป็นเงิน ๕๓๔,๓๘๕ บาท ๑๕ สตางค์ จึงขอให้ศาลบังคับให้ต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยให้การปฏิเสธความรับผิดและฟ้องแย้งว่า โจทก์ผิดหน้าที่ผู้ชำระบัญชี ทำให้เกิดความเสียหายและไม่รักษาผลประโยชน์ของห้างหุ้นส่วนที่เลิกไป จึงขอให้ศาลพิพากษาถอดถอนโจทก์จากการเป็นผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญรายนี้
ศาลแพ่งรับคำให้การและเห็นว่า ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม จึงไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้จำเลยถูกผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญฟ้องเรียกเงินคืน จำเลยจะฟ้องแย้ขอให้ถอดถอนผู้ชำระบัญชีนั้น ไม่ได้เพราะแม้จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้ พิจารณาแล้วพิพากษาให้ถอดถอนผู้ชำระบัญชี ฟ้องของผู้ชำระบัญชีในคดีนี้ยังคงมีอยู่ การถอดถอนผู้ชำระบัญชีในภายหลัง หาได้กระทบกระเทือนความรับผิดของจำเลยต่อห้างหุ้นส่วนสามัญนั้นแต่ประการใดไม่ ถ้าหากผู้ชำระบัญชีซึ่งได้เป็นผู้ชำระบัญชีอยู่ในเวลาฟ้องนั้นมีอำนาจเรียกร้อง ที่ศาลล่างเห็นว่าฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวกับคำฟ้องของโจทก์นั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน