คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 827/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้กักกันจำเลยในฐานเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย โดยจำเลยเคยทำผิดต้องโทษจำคุกอันมิใช่ประมาทหรือลหุโทษมา 4 ครั้ง และมาทำผิดฐานชิงทรัพย์อีก โจทก์จึงฟ้องขอให้กักกันจำเลยฐานเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย เมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกาเมื่อใช้ประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าการลงโทษผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายตาม พ.ร.บ. กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. 2479 นั้น มีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาแล้ว ศาลฎีกาจึงยกบทบัญญัติใน ประมวลกฎหมายอาญาอันมีมาตรา 43, 41 เป็นต้นมาใช้แทน และชี้ว่าตาม ม.43 โจทก์มีอำนาจแยกฟ้องได้ แต่ตาม ม.41 จะลงโทษกักกันได้ต่อเมื่อจำเลยเคยต้องโทษกักกันมาแล้ว หรือเคยถูกศาลพิพากษาให้จำคุกมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง และมาทำผิด จำเลยนี้เคยต้องโทษเกิน 6 เดือนครั้งเดียว จึงยังฟ้องให้ลงโทษกักกันจำเลย ไม่ได้ ให้ยกฟ้อง.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเคยต้องโทษให้จำคุกมาแล้วรวม ๔ ครั้ง ตามใบแดงแจ้งโทษท้ายฟ้อง ซึ่งไม่ใช่โทษฐานประมาทหรือ ลหุโทษ ครั้นวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๔๙๘ เวลากลางคืนจำเลยได้บังอาจชิงทรัพย์นายสำเริง โลจายะ และถูกพนักงานอัยการฟ้อง เป็นคดีอาญา ณ ศาลจังหวัดสมุทรสาคร ๆ ตัดสินว่าจำเลยมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๙๘, ๒๙๙, ๒๔๙, ๖๐, ๗๓ และ ๕๙ ให้จำคุก ๑๐ ปี ตามสำนวนคดีอาญาแดงที่ ๔๙๔/๒๔๙๘ นับว่าจำเลยเป็นผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย โจทก์ขอให้ศาล ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ และ ม.๘ และ ๙
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีผิดตาม พ.ร.บ.กักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๘ ให้กักกันจำเลยตาม มาตรา ๙ มีกำหนด ๔ ปี เมื่อพ้นโทษจากคดีแดงที่ ๔๙๔/๒๔๙๘
จำเลยอุทธรณ์ว่ายังไม่ควรรับโทษกักกัน
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์จะฟ้องแบกคดีขอให้ลงโทษกักกันจำเลยมาเป็นเอกเทศโดยมิรอให้คดีที่จำเลยทำผิดอันเป็น เหตุร้ายถึงที่สุดเสียก่อนนั้นไม่ได้ เพราะสิทธิแห่งการฟ้องร้องของโจทก์ยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าคดีเรื่องเหตุร้ายถึงที่สุดก่อน จึงพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ ผู้พิพากษานายหนึ่งทำความเห็นแย้งว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องให้กักกันจำเลยแล้ว
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๔๓ โจทก์แยกฟ้องได้ แต่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๔๑ จะลงโทษกักกันจำเลยได้ จำเลยต้องเคยต้องโทษกักกันมาแล้ว หรือเคยต้องโทษมา ๖ เดือนไม่น้อยกว่า ๒ ครั้ง จำเลยนี้ เคยต้องโทษเกิน ๖ เดือนครั้งเดียว จึงยังลงโทษจำเลยไม่ได้ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง.

Share