คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8268/2553

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ในวันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ จำเลยถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยย่อมไม่มีอำนาจกระทำการใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลย โดยอำนาจดังกล่าวตกแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในทันทีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 22 และมาตรา 24 จำเลยจึงไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้วินิจฉัยเป็นการไม่ชอบ ทั้งจำเลยก็ไม่มีสิทธิยื่นฎีกาต่อมาด้วย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงินจำนวน 24,106,917.21 บาท แก่โจทก์ แต่จำเลยไม่ชำระ โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 8172 ตำบลมหาชัย อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
บริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด (มหาชน) ยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นในฐานะผู้รับจำนองที่ดินซึ่งโจทก์นำยึด
จำเลยยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้บริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด (มหาชน) ได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า บริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด (มหาชน) ถูกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีคำสั่งให้ระงับการดำเนินกิจการและดำเนินการชำระบัญชี ซึ่งต่อมาผู้ชำระบัญชีได้ร้องขอต่อศาลล้มละลายกลางให้มีคำสั่งให้บริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด (มหาชน) ล้มละลาย ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด (มหาชน) ได้รวบรวมทรัพย์สินและสิทธิอื่น ๆ ของบริษัทดังกล่าวออกขายทอดตลาด ผู้ร้องเป็นผู้ประมูลซื้อทรัพย์สินและสิทธิอื่น ๆ ของบริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด (มหาชน) รวมถึงสิทธิเรียกร้องตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่มีคำสั่งให้บริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด (มหาชน) ได้รับชำระหนี้จำนองของจำเลยก่อนเจ้าหนี้อื่นในคดีนี้ ผู้ร้องแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้จำเลยทราบแล้ว ขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องสวมสิทธิเข้าเป็นคู่ความแทนบริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด (มหาชน)
จำเลยยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2548 ขอให้ศาลชั้นต้นเรียกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทนจำเลย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอเข้าดำเนินคดีแทนจำเลยและไม่ติดใจคัดค้านคำร้องขอเข้าสวมสิทธิของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เจ้าพนักงานพิทักษ์เข้าดำเนินคดีแทนจำเลย และมีคำสั่งว่าเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิเป็นคู่ความแทนบริษัทเงินทุนนิธิภัทร จำกัด (มหาชน) ได้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในวันที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ จำเลยถูกศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จำเลยย่อมไม่มีอำนาจกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลย โดยอำนาจดังกล่าวตกแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในทันทีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 22 และมาตรา 24 จำเลยจึงไม่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้วินิจฉัยเป็นการไม่ชอบ ทั้งจำเลยก็ไม่มีสิทธิยื่นฎีกาต่อมาด้วย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7 และยกอุทธรณ์จำเลย คืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลนอกจากที่สั่งคืนให้เป็นพับ.

Share