แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาซื้อขายซึ่งมีข้อความว่า ผู้ขายต้องส่งมอบน้ำตาลทรายแก่ผู้ซื้อภายใน 15 วัน หลังจากโรงงานของผู้ขายเปิดดำเนินการหีบอ้อยประจำปี. และทั้งนี้ไม่ช้ากว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2507 นั้น. มีความหมายว่าผู้ขายต้องส่งมอบน้ำตาลทรายแก่ผู้ซื้อให้ครบถ้วนภายใน 15 วันนับแต่วันที่โรงงานของผู้ขายเปิดดำเนินการหีบอ้อยประจำปี. หากเปิดดำเนินการล่าช้า. แม้นับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2507จะมีเวลาดำเนินการไม่ครบ 15 วัน. ผู้ขายก็จะต้องส่งมอบภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2507.
เบี้ยปรับที่สูงเกินส่วนนั้น. ศาลมีอำนาจลดลงเป็นจำนวนที่พอสมควร. โดยพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของเจ้าหนี้.
คำฟ้องของโจทก์ซึ่งบรรยายว่า จำเลยส่งมอบน้ำตาลทราย 200กระสอบแก่โจทก์เกินกำหนดระยะเวลาตามสัญญา. จำเลยมีหน้าที่ต้องรับผิดใช้เบี้ยปรับ. โจทก์และทนายโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาแล้ว. ทั้งโจทก์ยังได้ส่งสำเนาสัญญาซื้อขายและสำเนาหนังสือทนายโจทก์มาท้ายฟ้องด้วย.ย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าโจทก์ได้บอกสงวนสิทธิในการที่จะเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาจากจำเลย ไม่จำต้องกล่าวในคำฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาขายน้ำตาลทรายให้โจทก์ แต่ผิดสัญญาส่งมอบน้ำตาลทรายให้ไม่ครบถ้วนภายในกำหนด โดยส่งมอบเมื่อพ้นกำหนดแล้ว 200 กระสอบ ซึ่งตามสัญญากำหนดไว้ให้ปรับกระสอบละ100 บาท รวมเป็นเงิน 20,000 บาท ขอให้บังคับ จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยส่งมอบไม่เกินกำหนด จำเลยได้ส่งมอบเสร็จสิ้นแล้ว ฟ้องโจทก์ไม่แสดงว่ามีความเสียหายอย่างใดโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องปรับค่าเสียหาย ก่อนชี้สองสถาน จำเลยยื่นคำร้องขอให้ชี้ขาดเบื้องต้นว่า1. ฟ้องโจทก์ไม่ได้กล่าวไว้ว่าขณะโจทก์รับมอบน้ำตาลทราย 200กระสอบสุดท้าย โจทก์ได้บอกสงวนสิทธิในการเรียกเบี้ยปรับ โจทก์จึงเรียกเบี้ยปรับไม่ได้ 2. สัญญาซื้อขายระบุการส่งมอบไว้ว่า “ทั้งนี้ไม่ช้ากว่าปลายเดือนธันวาคม 2507” แต่โจทก์ว่าต้องส่งมอบภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2507 หากแปลดังจำเลยว่า โจทก์ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า เป็นเรื่องที่อาศัยข้อเท็จจริงอยู่ด้วยจะได้วินิจฉัยในคำพิพากษา เมื่อพิจารณาเสร็จ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องครบถ้วนแล้ว ไม่จำต้องกล่าวถึงเรื่องการบอกกล่าวสงวนสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับ จำเลยส่งมอบน้ำตาลทรายต้นกำหนดตามสัญญาพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาจำเลยข้อแรกที่ว่า ที่ศาลล่างวินิจฉัยว่าข้อบอกกล่าวสงวนสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับ ไม่จำเป็นต้องกล่าวในคำฟ้อง เป็นการไม่ถูกต้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์ได้บรรยายความไว้แล้วว่า ตามสัญญาซื้อขาย จำเลยจะต้องส่งมอบน้ำตาลทรายให้แก่โจทก์ทั้งหมดภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2507แต่จำเลยส่งมอบเพียง 1,800 กระสอบ ส่วนอีก 200 กระสอบ จำเลยได้ส่งมอบเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2507 อันเป็นการเกินกำหนดระยะเวลาตามสัญญา ซึ่งจำเลยมีหน้าที่จะต้องรับผิดใช้ค่าปรับเป็นค่าเสียหายแก่โจทก์กระสอบละ 100 บาท รวมเป็นเงิน 20,000 บาท โจทก์และทนายโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบแล้วขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา ทั้งโจทก์ยังได้ส่งสำเนาหนังสือสัญญาซื้อขายและสำเนาหนังสือทนายโจทก์มาท้ายฟ้องด้วย ตามหลักฐานและคำฟ้องดังนี้ ย่อมแสดงอยู่ในตัวแล้วว่า โจทก์ได้บอกสงวนสิทธิในการที่จะเรียกเบี้ยปรับตามสัญญาจำเลย และศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงต่อไปว่าโจทก์ได้บอกสงวนสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับไว้แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลล่างแปลความหมายแห่งสัญญาซื้อขายยังไม่ถูกต้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาซื้อขายข้อ 3 มีความว่า ผู้ขายต้องส่งมอบน้ำตาลทรายขาวแก่ผู้ซื้อภายใน 15 วันหลังจากโรงงานของผู้ขายเริ่มเปิดดำเนินการหีบอ้อยประจำปี และทั้งนี้ไม่ช้ากว่าปลายเดือนธันวาคม 2507 (31 ธันวาคม 2507) ซึ่งข้อความดังกล่าวนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลล่างที่แปลว่าเป็นข้อความที่มีข้อตกลงให้จำเลยต้องส่งมอบน้ำตาลทรายจำนวน 2,000 กระสอบแก่โจทก์ครบถ้วนภายใน 15 วัน นับแต่วันที่โรงงานของจำเลยเปิดทำการหีบอ้อยประจำปีส่วนข้อความที่ว่า “และทั้งนี้ไม่ช้ากว่าปลายเดือนธันวาคม 2507(31 ธันวาคม 2507)” นั้น หมายถึงว่า หากจำเลยเปิดทำการหีบอ้อยล่าช้ากว่าวันที่ 1 ธันวาคม 2507 แม้จะถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2507ไม่ครบ 15 วัน จำเลยก็จะต้องส่งมอบน้ำตาลทรายแก่ โจทก์ให้ครบภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2507 คดีนี้ จำเลยรับว่า ได้เปิดหีบอ้อยประจำปี ในวันที่ 1 ธันวาคม 2507 จำเลยจึงต้องส่งมอบน้ำตาลทรายภายใน15 วัน คือภายในวันที่ 16 ธันวาคม 2507 ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลล่างให้ปรับจำเลยกระสอบละ 100 บาทไม่ถูกต้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้นำน้ำตาลทรายมาส่งมอบในวันที่ 17 ธันวาคม 2507 แต่โจทก์ไม่ยอมรับ เพิ่งมายอมรับเมื่อวันที่22 โจทก์ไม่ได้นำสืบว่า การที่จำเลยส่งมอบล่าช้า โจทก์เสียหายอย่างไร ศาลฎีกาพิเคราะห์ถึงทางได้เสียของโจทก์แล้ว เห็นควรลดเบี้ยปรับเหลือกระสอบละ 50 บาท พิพากษาแก้ ให้จำเลยใช้เบี้ยปรับ 10,000 บาท.