คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 826/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้องเลิกหุ้นส่วนนั้น ไม่จำต้องฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน เพราะผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นอาจร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์หรือจำเลยได้ ไม่มีทางเสียเปรียบหรือเสียหายแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่น ทั้งไม่มีบทกฎหมายบัญญัติบังคับให้ต้องฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนด้วย
การฟ้องขอเลิกห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนนั้น แม้ทรัพย์สินที่พิพาทจะอยู่ที่จังหวัดพังงา และจำเลยคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดภูเก็ต แต่เมื่อจำเลยอื่นมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดพระนครแล้ว ศาลก็ย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจอนุญาตให้โจทก์ฟ้องยังศาลในพระนครได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เป็นหุ้นส่วนกับจำเลย ซื้อเหมืองและเครื่องอุปกรณ์ทำเหมือง จำเลยล่วงว่าละเมิดข้อสัญญาขอให้ศาลสั่งเลิกห้างหุ้นส่วน อันมีชื่อว่า เหมืองแร่เกียรติ์ไทย และตั้งผู้ชำระบัญชี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เลิกหุ้นส่วนมีเกียรติ์ไทย ให้กองหมายเป็นผู้ชำระบัญชี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนฟ้อง เลิกหุ้นส่วน ไม่จำต้องฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคน เพราะผู้เป็นหุ้นส่วนอื่นอาจร้องขอเข้าเป็นโจทก์หรือจำเลยได้ ไม่มีทางเสียเปรียบหรือเสียหายแก่ผู้เป็นหุ้นส่วนอื่น ทั้งไม่มีบทกฎหมายบัญญัติบังคับให้ต้องฟ้องผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนด้วย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ จึงเป็นการชอบแล้ว
ส่วนฎีกาที่ว่า ศาลแขวงพระนครใต้ไม่มีอำนาจพิจารณาคดี เพราะเหมืองแร่ซึ่งเป็นทรัพย์พิพาทอยู่จังหวัดพังงา และจำเลยที่ ๑ อยู่จังหวัดภูเก็ต ก็ปรากฏว่า จำเลยอื่นที่โจทก์ฟ้องมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดพระนคร ฉะนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลยพินิจอนุญาตให้โจทก์ฟ้องยังศาลในพระนครได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share