แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่พันตำรวจโท ก. แสดงบัตร ป.ป.ส. ต่อจำเลยก่อนทำการค้น แสดงว่าพันตำรวจโท ก. แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 และตามพฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้จำเลยจะหลบหนีไป ทั้งทรัพย์สินในบ้านเกิดเหตุซึ่งมีไว้เป็นความผิดจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม พันตำรวจโท ก. กับพวกจึงมีอำนาจเข้าไปในบ้านเกิดเหตุเพื่อตรวจค้นโดยไม่ต้องมีหมายค้นตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 14 ตรี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 4, 7, 8, 15, 66, 97, 100/1, 102 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 92 ริบเมทแอมเฟตามีนกับอาวุธปืนของกลาง และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษมาก่อนตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) 66 วรรคสาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,000,000 บาท เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 97 แต่เมื่อจำคุกตลอดชีวิตแล้วจึงไม่อาจเพิ่มโทษจำคุกได้คงเพิ่มโทษได้เฉพาะโทษปรับ เป็นปรับ 1,500,000 บาท คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือนและปรับ 1,000,000 บาท ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 1 ปี 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน รวมจำคุก 33 ปี 12 เดือน และปรับ 1,000,000 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 กรณีต้องกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนและอาวุธปืนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเฉพาะความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 เวลาประมาณ 12 นาฬิกา เจ้าพนักงานตำรวจได้ไปที่บ้านเลขที่ 70/152 หมู่บ้านกายสิทธิ์วิลล์ หมู่ที่ 1 ตำบลเขาสามยอด อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี แล้วจับกุมจำเลยพร้อมกับยึดอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. 1 กระบอก กับกระสุนปืน 8 นัด และเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) บรรจุในถุงพลาสติกแบบปิดเปิดปากถุงได้จำนวน 10 ถุง น้ำหนักรวม 25.605 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 20.427 กรัม ตามรายงานผลการตรวจพิสูจน์เป็นของกลาง ในข้อหามีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนและกระสุนปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษแล้ว ข้อหานี้เป็นอันยุติโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์คัดค้าน คงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว แม้พันตำรวจโทกันตพัฒน์ พยานโจทก์ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี จะเข้าตรวจค้นบ้านเกิดเหตุโดยไม่มีหมายค้น ทั้งไม่ได้ค้นต่อหน้าบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคนตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาก็ตาม แต่การที่พันตำรวจโทกันตพัฒน์แสดงบัตร ป.ป.ส. ต่อจำเลยก่อนทำการค้นในบ้านเกิดเหตุจนพบเมทแอมเฟตามีน กับอาวุธปืนของกลางย่อมเป็นการแสดงว่าพันตำรวจโทกันตพัฒน์แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 ตามคำเบิกความของพันตำรวจโทกันตพัฒน์ยังปรากฏด้วยว่า เมื่อพันตำรวจโทกันตพัฒน์กับพวกมาถึงบ้านเกิดเหตุโดยรถกระบะ 3 คัน เห็นจำเลยไม่สวมใส่เสื้อ มีรอยสักตามร่างกาย อันตรงกับตำหนิรูปพรรณที่ดาบตำรวจฉลอง พยานโจทก์อีกปากหนึ่ง ซึ่งเข้าร่วมตรวจค้นกับพันตำรวจโทกันตพัฒน์ ได้รับแจ้งมาจากสายลับ ยืนอยู่ตรงบริเวณประตูบ้าน แล้วเดินหลบเข้าไปในบ้าน จึงเป็นพฤติการณ์ให้พันตำรวจโทกันตพัฒน์มีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้ จำเลยจะหลบหนีไป ทั้งทรัพย์สินในบ้านเกิดเหตุซึ่งมีไว้เป็นความผิดจะถูกโยกย้าย ซุกซ่อน ทำลาย หรือทำให้เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม พันตำรวจโทกันตพัฒน์กับพวกจึงมีอำนาจเข้าไปในบ้านเกิดเหตุเพื่อตรวจค้นโดยไม่ต้องมีหมายค้นตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 14 ตรี และเมื่อเป็นการเข้าค้นตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอันเป็นกฎหมายที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ จึงไม่ต้องทำการค้นต่อหน้าบุคคลอื่นอย่างน้อยสองคนตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาอันเป็นกฎหมายที่บัญญัติไว้เป็นการทั่วไป เมื่อข้อนำสืบของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำเบิกความของพันตำรวจโทกันตพัฒน์และดาบตำรวจฉลองว่านอกจากจะพบอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางอยู่ใต้หมอนในห้องของจำเลยแล้ว ยังพบเมทแอมเฟตามีนของกลางบนฟูกที่นอนด้วย แม้จำเลยให้การรับสารภาพเพียงความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางไว้ในครอบครองก็ตาม แต่ก็เป็นพฤติการณ์ที่บ่งบอกแล้วว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยดังคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสอง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน