คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 821/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าที่วิวาทเป็นของโจทก์ จำเลยบุกรุกขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้องสอดและจำเลยมิได้บุกรุก ผู้ร้องสอดร้องสอดเข้ามา ก็ให้การยืนยันว่าผู้ร้องสอดเป็นเจ้าของที่พิพาท ดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีจึงมีเป็นประการแรกว่า ที่พิพาทเป็นของใคร ถ้าฟังว่าเป็นของโจทก์จึงจะมีประเด็นต่อไปว่า จำเลยบุกรุกหรือเปล่า ถ้าฟังว่าที่เป็นของผู้ร้องสอดข้อบุกรุกก็ตกไป ฉะนั้นศาลจะชี้ขาดแต่เพียงว่าจำเลยไม่ได้บุกรุกแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียโดยไม่ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่ซึ่งเป็นข้ออ้างสำคัญที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาในคดีนี้นั้นจึงมิได้เป็นการตัดสินคดีตามข้อหาในฟ้องของโจทก์ทุกข้อเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142,246

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ นายเกลี้ยงจำเลยบุกรุกขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าที่ดินแปลงพิพาทเป็นของโจทก์และห้ามจำเลยและบริวารอย่าให้เข้ามาเกี่ยวข้อง นายเกลี้ยงจำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของนางเลี้ยง และตัวนายเกลี้ยงไม่ได้บุกรุก นางเลี้ยงจึงขอเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ให้การยืนยันว่าที่พิพาทเป็นของนางเลี้ยงจำเลย ๆ ให้บุตรนายเกลี้ยงจำเลยเข้าไปทำนาแทนนางเลี้ยงจำเลย

ศาลชั้นต้นฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ แต่ถูกจำเลยแย่งการครอบครองเกิน 1 ปี จึงพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยบุกรุก จึงพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา ว่าศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยกรรมสิทธิ์ที่พิพาทว่าเป็นของใครนั้น ไม่ตรงกับคำขอของโจทก์

ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนี้มีเป็นประการแรกว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของนางเลี้ยงจำเลย ถ้าฟังว่าเป็นของโจทก์จึงจะมีประเด็นต่อไปว่า จำเลยบุกรุกหรือเปล่า ถ้าฟังว่าที่พิพาทเป็นของนางเลี้ยงจำเลย ข้อบุกรุกย่อมตกไปในตัว การที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดไว้แต่เพียงข้อบุกรุกข้อเดียวว่า จำเลยไม่ได้บุกรุกแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์เสียโดยไม่ได้ชี้ขาดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือมิใช่นั้น ยังไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142, 246 อาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ประกอบด้วยมาตรา 243 จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสีย ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคดีนี้ใหม่ตามประเด็นที่กล่าวมา แล้วพิพากษาใหม่ไปตามรูปความ

Share