แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
+เพื่อไห้คนหนึ่งทำหนังสือ+สำเหร็ด แม้อีกคนหนึ่งไม่+มือทำปลอมหนังสือด้วย ก็คงมีความผิดถานเปนตัวการด้วยกัน.
ย่อยาว
ข้อเท็ดจิงได้ความว่าจำเลยทั้ง ๒ สมคบกันไช้อุบายหลอกลวงฉ้อโกงเงินของนายธานีไป ๑๐๐ บาทโดยจำเลยกล่าวเท็ดรับรองและจำเลยที่ ๑ สแดงต่อนางธานีว่าจำเลยที่ ๑ คือนายขาบผุ้ถือกัมสิทธิที่ดินโฉนดที่ ๗๐๖ ต้องการกู้เงินนางธานี ๑๐๐ บาท โดยไห้โฉนดยึดไว้เปนประกัน ซึ่งจำเลยหาไช่ตัวนายขาบผู้ถือกัมสิทธิไม่ ทั้งโฉนดฉบับนั้นก็เปนโฉนดที่ยกเลิกแล้ว แต่จำเลยปกปิดเสีย นางธานีหลงเชื่อจึงไห้กู้เงินไป ๑๐๐ บาท ยึดโฉนดเปนประกัน โดยจำเลยที่ ๑ เซ็นชื่อไนหนังสือกู้ชื่นายขาบ และจำเลยที่ ๒ ลงชื่อเปนผู้ค้ำประกัน
สาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันกะทำผิดต้องด้วยมาตรา ๓๐๔,๒๒๔,๖๓ ลงโทสตามมาตรา ๒๒๔ ซึ่งเปนบทหนัก จำคุกคนละ ๑ ปี
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์ฟังว่าจำเลยสมคบกันฉ้อโกงจิง แต่จำเลยที่ ๒ ไม่ได้สมคบไนการที่จำเลยที่ ๑ ทำผิดถานปลอมหนังสือ จึงพิพากสาแก้ว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดถานฉ้อโกงตามมาตรา ๓๐๔ ถานเดียว ไห้จำคุก ๓ เดือน
โจทดีกาว่าจำเลยที่ ๒ ต้องมีความผิดถานเปนตัวการปลอมหนังสือกับจำเลยที่ ๑
สาลดีกาพร้อมกันปรึกสาเห็นว่า ตามพรึติการน์แห่งคดีพอสันนิถานได้ว่า จำเลยที่ ๒ สมคบกับจำเลยที่ ๑ ทำผิดถานปลอมหนังสือด้วย โดยฉเพาะคือการกู้เงิน ๑๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ ย่อมซาบดีแล้วว่า จำเลยที่ ๑ ต้องทำหนังสือกู้ยืมไห้ผู้เสียหายและลงลายมือชื่อปลอม จึงจะได้เงินสมประสงค์ และจำเลยที่ ๒ ยังช่วยพูดสนับสนุนจำเลยที่ ๑ นับว่าได้ทำการตามที่สมคบกันมานั้นด้วย จำเลยที่ ๒ จึงต้องผิดเปนตัวการร่วมกับจำเลยที่ ๑ ถานปลอมหนังสือด้วย จึงพิพากสาแก้ไห้บังคับคดียืนตามสาลชั้นต้น.