แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้ผู้คัดค้านและผู้ตายจะมีทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันโดยต่างมีส่วนในทรัพย์สินดังกล่าวในฐานะเจ้าของรวม แต่เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายทรัพย์สินเหล่านั้นย่อมตกเป็นของผู้คัดค้านส่วนหนึ่งและตกเป็นมรดกของผู้ตายที่จะต้องเอามาแบ่งให้แก่ทายาทของผู้ตายอีกส่วนหนึ่ง ผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย เป็นทายาทมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายโดยตรงจึงสมควรได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ผู้คัดค้านเป็นเพียงผู้มีสิทธิเฉพาะในทรัพย์สินที่เป็นของผู้คัดค้านและผู้ตายแต่ไม่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายเลย จึงไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดกร่วมด้วย
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายมนัส จีระวงศ์ซึ่งถึงแก่ความตาย มีบุตรด้วยกัน 7 คน ก่อนถึงแก่ความตายผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมและตั้งผู้จัดการมรดกไว้ ผู้ตายมีทรัพย์มรดกคือ ที่ดิน จึงมีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดกของผู้ตายที่จะนำมาแบ่งให้แก่ทายาท ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อไป ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลต้องห้ามเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1718 และทายาทอื่นของผู้ตายยินยอมให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านและแก้ไขคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านกับผู้ตายอยู่กินฉันสามีภริยากันมาตั้งแต่ปี 2499 จนกระทั่งผู้ตายถึงแก่ความตายโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายและไม่มีบุตรด้วยกัน ระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยากันนั้น ผู้คัดค้านและผู้ตายร่วมกันทำมาหารายได้มีที่ดินหลายแปลงและทรัพย์สินอื่นหลายรายการ ซึ่งย่อมเป็นของผู้คัดค้านกึ่งหนึ่ง การที่ผู้ร้องมาร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้น ผู้ร้องไม่เคยบอกกล่าวหรือปรึกษากับผู้คัดค้านก่อนเลย ผู้ร้องมีเจตนาที่จะเอามรดกของผู้ตายเพียงคนเดียว ไม่ยอมแบ่งให้ผู้คัดค้านและทายาทอื่น ผู้ร้องจึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ส่วนผู้คัดค้านเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของผู้ตาย ไม่เป็นคนวิกลจริต ไม่ถูกศาลสั่งเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถหรือเป็นบุคคลล้มละลาย จึงขอให้ยกคำร้องของผู้ร้องและมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งนางสาคร จีระวงศ์ ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายมนัสจีระวงศ์ ผู้ตาย ให้มีสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่าสมควรตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกของนายมนัส จีระวงศ์ หรือไม่ เห็นว่า แม้หากว่าผู้คัดค้านและนายมนัสผู้ตายจะมีทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันซึ่งผู้คัดค้านมีส่วนได้เสียในฐานะเจ้าของรวม เมื่อนายมนัสถึงแก่ความตายทรัพย์สินเหล่านั้นย่อมแบ่งกันเป็นส่วนของผู้คัดค้านส่วนหนึ่งและเป็นทรัพย์มรดกของนายมนัสอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งสิทธิของผู้คัดค้านมีส่วนร่วมกับผู้ตายเพียงใดก็ยังคงมีอยู่เช่นนั้น ส่วนของผู้ตายก็ตกเป็นมรดกของผู้ตายที่ผู้จัดการมรดกของผู้ตายจะต้องเอามาแบ่งให้แก่ทายาทผู้ตาย ผู้ร้องเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย จึงเป็นทายาทที่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายโดยตรงแต่ผู้คัดค้านไม่มีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายเลย เพียงแต่มีส่วนในทรัพย์สินระหว่างผู้คัดค้านกับผู้ตายในฐานะเจ้าของรวมอย่างไรก็ชอบที่จะเรียกร้องเอาได้โดยไม่จำต้องมีฐานะเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายอยู่แล้ว และที่ผู้คัดค้านฎีกาว่าต้องการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้นก็เพื่อป้องกันมิให้ทรัพย์สินที่ผู้คัดค้านมีส่วนร่วมอยู่ด้วยเกิดความเสียหายจากการจัดการมรดกของผู้ร้อง ก็เป็นเจตนาที่มุ่งแต่ประโยชน์ของผู้คัดค้านเท่านั้นหาใช่กระทำเพื่อความชอบธรรมและประโยชน์ของทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของผู้ตายแต่อย่างใดไม่ ดังนั้นที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งตั้งผู้ร้องแต่เพียงผู้เดียวเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายชอบแล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน