แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ขอถอนคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นอนุญาตและกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลภายใน 10 วันครั้นครบกำหนด จำเลยที่ 1 นำเงินมาวางศาลไม่ครบ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุอันสมควรจึงอนุญาตให้หขยายเวลาวางเงินไปอีก 1 วัน ดังนี้ เป็นกรณีที่จำเลยที่ 1 ขอให้ศาลที่ใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่กำหนดเวลาที่จำเลยที่ 1 ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางศาลให้ใหม่มิใช่เป็นการขยายเวลาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องจากจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ต่อมาขอถอนคำร้อง ไม่ติดใจที่จะขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาต่อไป ศาลชั้นต้นอนุญาตและกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์และค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์มาวางต่อศาลภายใน 10 วันนับแต่วันที่ 26 กันยายน2529 หากไม่นำมาวางภายในกำหนดให้ถือว่าทิ้งอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 6 ตุลาคม 2529 อันเป็นวันครบกำหนดที่ศาลชั้นต้นสั่งจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่า วันนี้จำเลยที่ 1 มีเงินเพียง4,952.50 บาท ซึ่งเป็นค่าขึ้นศาล จำเลยที่ 1 ยังหาเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลไม่ได้ จึงขอวางเงินค่าขึ้นศาลก่อนในวันนี้ และขอให้ศาลอนุญาตให้จำเลยที่ 1 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลในวันรุ่งขึ้นที่ 7 ตุลาคม 2529 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง เจ้าหน้าที่ศาลรับเงินค่าขึ้นศาล4,952.50 บาทไว้ ต่อมาวันที่ 7 ตุลาคม 2529 จำเลยที่ 1 ได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์จำนวน 6,802.50บาท มาวางศาลเจ้าหน้าที่ศาลรับเงินดังกล่าวไว้แล้วรายงานให้ศาลทราบ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลเมื่อพ้นระยะเวลาที่ศาลสั่ง ถือว่าจำเลยที่ 1 ทิ้งฟ้องอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ อนุญาตให้ขยายระยะเวลานำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์ออกไปอีกหนึ่งวันได้ตามคำร้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ที่โจทก์ฎีกาว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์เป็นเวลา 10 วันตามที่จำเลยที่ 1 ร้องขอครั้งแรก ย่อมเป็นเวลามากพอที่จำเลยที่ 1 จะหาเงินมาวางต่อศาลได้แล้ว การที่จำเลยที่ 1 นำเงินมาวางศาลไม่ครบภายในเวลาที่ศาลกำหนดดังกล่าวเป็นเพราะจำเลยที่ 1 ไม่ขวนขวายหาเงินมาวางศาลเอง ทั้งพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นการประวิงคดี จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ขยายระยะเวลาออกไปอีกนั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีนี้เป็นกรณีที่จำเลยที่1 ขอให้ศาลใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่กำหนดเวลาที่จำเลยที่ 1ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนโจทก์มาวางศาลให้ใหม่ และศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่ามีเหตุอันสมควรจึงอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินไปอีก 1 วัน ซึ่งเท่ากับได้มีการกำหนดระยะเวลาให้ใหม่นั่นเอง โดยจำเลยที่ 1 ก็ได้วางเงินภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวไว้แล้ว และการกำหนดระยะเวลานี้มิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 อันจะทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ..”
พิพากษายืน.