คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2756/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ให้อำนาจแก่ศาลชั้นต้นในการตรวจคำฟ้องซึ่งเป็นคำคู่ความโดยเด็ดขาดเมื่อปรากฏว่าคำฟ้องของโจทก์มีรายการช่องอายุแต่ไม่ใส่ให้ครบถ้วน ที่อยู่ของจำเลยผิดพลาดสับสน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งคืนฟ้องให้โจทก์แก้ไขให้ถูกต้องได้โดยชอบ
คำสั่งคืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่หาใช่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ แต่เป็นคำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ถือว่าศาลชั้นต้นยังไม่ได้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งขังจำเลย เมื่อโจทก์แก้ไขคำฟ้องแล้วนำมายื่นใหม่ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมคำฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งเจ็ดกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เป็นกัญชาแห้ง 1,000 กิโลกรัม กัญชาสด 800 กิโลกรัม และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งเจ็ดได้พร้อมด้วยกัญชา ตาชั่งสำหรับชั่งกัญชาเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7(5), 26, 75, 76, 102, 103ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบของกลาง

ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำฟ้องของโจทก์บกพร่องหลายอย่าง อาศัยอำนาจตามมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และมาตรา 18 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้คืนคำฟ้อง ให้โจทก์ทำมายื่นใหม่ ต่อมาวันรุ่งขึ้นโจทก์ยื่นคำฟ้องใหม่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อจำเลยหลุดพ้นจากการควบคุมตามหมายขังระหว่างสอบสวนของศาลแล้ว เมื่อโจทก์ไม่นำตัวจำเลยมาศาลพร้อมกับยื่นคำฟ้อง จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165จึงไม่รับฟ้องไว้พิจารณา

โจทก์อุทธรณ์

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ได้ตัวจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 มายื่นฟ้องและศาลมีคำสั่งรับฟ้องไว้ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 509/2523 แล้ว จึงให้รับอุทธรณ์โจทก์เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้คืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(4) กำหนดแต่เพียงว่าฟ้องต้องมีชื่อตัว นามสกุล ที่อยู่ ไม่กำหนดให้ระบุอายุ และในเรื่องที่อยู่แม้จะผิดพลาดไปบ้างก็เป็นรายละเอียดไม่ทำให้ฟ้องโจทก์เสียไป เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ให้อำนาจแก่ศาลชั้นต้นในการตรวจคำฟ้องซึ่งเป็นคำคู่ความโดยเด็ดขาด เมื่อปรากฏว่าคำฟ้องของโจทก์มีรายการช่องอายุ แต่ไม่ใส่ให้ครบถ้วน ที่อยู่ของจำเลยผิดพลาดสับสน ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งคืนฟ้องให้โจทก์แก้ไขให้ถูกต้องได้โดยชอบ

ที่โจทก์ฎีกาว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งคืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นมีอำนาจขังจำเลยไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 71 นั้น เห็นว่าคำสั่งคืนฟ้องให้โจทก์ทำมายื่นใหม่หาใช่คำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ แต่เป็นคำสั่งไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 ถือได้ว่าศาลชั้นต้นยังมิได้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งขังดังที่โจทก์กล่าวอ้าง เมื่อโจทก์แก้ไขคำฟ้องแล้วนำมายื่นใหม่โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องนำตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมคำฟ้องดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165

พิพากษายืน

Share