คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การจ้างที่ลูกจ้างรู้ตัวล่วงหน้าว่าจะต้องออกจากงานเมื่อมีอายุครบ 60 ปีนั้นไม่ถือเป็นการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาไว้แน่นอน
การพ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุถือเป็นการเลิกจ้าง
เงินทุนสงเคราะห์ เงินบำนาญ ที่มีหลักเกณฑ์การจ่ายแตกต่างไปจากค่าชดเชยไม่ถือเป็นค่าชดเชย
นายจ้างประกาศให้ลูกจ้างทราบว่า การจ่ายเงินสงเคราะห์นั้นจ่ายเพิ่มขึ้นยิ่งกว่าที่กฎหมายแรงงานกำหนด และจ่ายโดยมีเจตนาจ่ายตามค่าชดเชย โดยนายจ้างออกประกาศฝ่ายเดียวภายหลังที่โจทก์ออกจากงานแล้วเช่นนี้ ไม่ถือเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเกษียณอายุโดยจ่ายค่าชดเชยให้เพียง 3 เดือนยังขาดอีก 90 วัน ขอให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยเป็นเงิน 6,435 บาทแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยพ้นตำแหน่งตามกฎหมายไม่ใช่การเลิกจ้าง จำเลยรู้ตัวล่วงหน้าว่าจะต้องพ้นตำแหน่ง จำเลยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยโจทก์ได้รับเงินทดแทนเท่ากับเงินเดือน เงินกองทุนสงเคราะห์และดอกเบี้ยกับเงินบำนาญซึ่งถือว่าเป็นค่าชดเชยแล้ว โจทก์จึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยอีก ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ลูกจ้างประจำที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน จำเลยไม่ให้โจทก์ทำงานและไม่จ่ายค่าจ้างต่อไปเป็นการเลิกจ้างเงินกองทุนสงเคราะห์ เงินบำนาญที่จำเลยจ่ายให้แก่โจทก์เป็นเงินประเภทอื่นไม่ใช่ค่าชดเชยพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ 6,435 บาท

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า

การออกจากงานของโจทก์เพราะเหตุเกษียณอายุเป็นการเลิกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน

การที่โจทก์รู้ตัวล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะต้องออกจากงานเมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ไม่ถือเป็นการจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาไว้แน่นอน

เงินกองทุนสงเคราะห์ เงินบำนาญ มีหลักเกณฑ์การจ่ายแตกต่างไปจากค่าชดเชย เป็นเงินที่จ่ายโดยมีวัตถุประสงค์ยิ่งกว่าให้เป็นเงินจำนวนหนึ่งแก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง จึงเป็นเงินประเภทอื่นที่จำเลยตกลงจ่ายให้แก่ลูกจ้าง หาเป็นค่าชดเชยไม่

จำเลยอุทธรณ์เป็นประการสุดท้ายว่า ประกาศของจำเลยเรื่องการจ่ายเงินค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างและพนักงานลงวันที่ 21 มกราคม 2520 เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง เพราะจำเลยได้ประกาศให้พนักงานรวมทั้งโจทก์ได้ทราบแล้วว่า พนักงานคนงานมีสิทธิได้รับการสงเคราะห์ตามข้อบังคับและระเบียบต่าง ๆของจำเลย ซึ่งเป็นการจ่ายเพิ่มขึ้นยิ่งกว่ากฎหมายแรงงานกำหนด และจำเลยจ่ายโดยมีเจตนาจ่ายแทนค่าชดเชย จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายเงินใด ๆ ให้โจทก์อีก พิเคราะห์แล้แม้จะได้ความว่าจำเลยได้ออกประกาศตามที่อุทธรณ์ แต่เป็นประกาศที่จำเลยออกฝ่ายเดียวภายหลังที่โจทก์ออกจากงานแล้ว จึงไม่เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างดังจำเลยอ้าง ศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share