แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเช่าตึกแถวของโจทก์ เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออก โจทก์จึงฟ้องคดีขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์ในการใช้ตึกแถวจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยอมออกจากตึกแถว และยอมใช้ค่าเสียหาย ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด ต่อมาโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยบรรยายฟ้องว่า ในวันที่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวที่เช่า โจทก์ได้ตรวจดูอาคารปรากฏว่ากระเบื้องกันสาดด้านหน้าถูกรื้อออกหมด กระเบื้องหลังคาถูกรื้อไปบางส่วนประตูเหล็กด้านหน้าชำรุดเสียหาย ซึ่งจำเลยมีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหาย มิใช่ความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติดังนี้ คำบรรยายฟ้องดังกล่าวย่อมคลุมถึงความเสียหายทั้งที่เกิดจากสัญญาเช่า ซึ่งจำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 562 และเกิดจากการละเมิดตาม มาตรา 420 เมื่อศาลฟังว่าการที่ประตูเหล็กผุกร่อนนั้น มิใช่เพราะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่เป็นเพราะจำเลยไม่สงวนรักษาทรัพย์สินที่เช่าจึงให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซ่อมแซม จึงตรงตามประเด็นแล้ว ไม่เป็นการนอกฟ้องและสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีก่อนเป็นเรื่องจำเลยไม่คืนทรัพย์ที่เช่า อันเป็นค่าเสียหายคนละมูลกรณีกับค่าเสียหายเกี่ยวกับประตูเหล็กในคดีนี้ ค่าเสียหายในคดีนี้จึงไม่ระงับสิ้นไป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหาย โดยจำเลยยอมออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และยอมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 3,600 บาท ต่อมาในวันที่จำเลยขนย้ายออกไปโจทก์พบว่าอาคารเสียหายหลายรายการ โดยจำเลยมีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหาย จึงขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวรวมทั้งค่าไฟฟ้าและน้ำประปา
จำเลยให้การว่า ความเสียหายตามฟ้องเป็นผลโดยตรงจากการใช้ทรัพย์สิน เช่นวิญญูชนทั่วไป และระวังสิ้นไปแล้วโดยผลของสัญญาประนีประนอมในคดีก่อน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 2,679.80 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ฎีกาข้อแรกว่าที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายเกี่ยวกับประตูเหล็กด้านหน้า เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นนั้น พิเคราะห์แล้วโจทก์บรรยายฟ้องว่า ในวันที่จำเลยและบริวารออกไปจากตึกแถวที่เช่าโจทก์ได้ตรวจดูอาคารปรากฏว่ามีการชำรุดเสียหาย ห้องน้ำ ห้องส้วมอุดตัน กระเบื้องกันสาดด้านหน้าถูกรื้อออกทั้งหมด กระเบื้องหลังคาถูกรื้อไปบางส่วน ประตูเหล็กด้านหน้าชำรุดเสียหาย ซึ่งจำเลยมีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหาย มิใช่ความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ คำบรรยายฟ้องเช่นนี้ย่อมคลุมถึงความเสียหายทั้งที่เกิดจากสัญญาเช่าที่จำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 562 และทั้งที่เกิดจากการละเมิดตามมาตรา 420 ศาลชั้นต้นเชื่อว่าเพราะจำเลยที่ 1 ปิดประตูไว้ตลอดเวลาทำให้เหล็กผุกร่อนมากกว่าปกติ ถือว่าไม่สงวนรักษาทรัพย์สินที่เช่า เป็นการฟ้องข้อเท็จจริงว่า การที่ประตูผุกร่อนมิใช่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาตามคำให้การต่อสู้ของจำเลย ให้จำเลยรับผิดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซ่อมแซมเป็นเงิน 2,000 บาท ตรงตามประเด็นแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
จำเลยฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ค่าเสียหายเกี่ยวกับประตูเหล็กนี้ได้ระงับสิ้นไปโดยผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งแดงที่ 78/2518 ของศาลชั้นต้น เห็นว่าค่าเสียหายตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวเป็นเรื่องจำเลยไม่คืนทรัพย์ที่เช่า เป็นคนละมูลกรณีกับค่าเสียหายคดีนี้จึงไม่ระงับสิ้นไป ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน