แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดียังไม่ได้ความชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์หรือของนางพอนจำเลยเข้าไปทำนาในที่พิพาทโดยนางพอนให้เข้าไปทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ตามนัยฎีกาที่ 253/2510
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้บุกรุกเข้าไปไถคราดที่นาของโจทก์โดยมีเจตนาเข้าไปยึดถือครอบครองเป็นของตน เป็นการรบกวนการครอบครองของโจทก์โดยปกติสุข ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 363, 59
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยทั้งสองรู้ดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ไม่ใช่ของนางพอน จำเลยเข้าไปในที่พิพาทเป็นการรบกวนการครอบครองโดยปกติสุขของโจทก์ พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยเข้าไปทำนาในที่พิพาทโดยมีเหตุที่จำเลยเชื่อว่านาพิพาทเป็นของนางพอน ขาดเจตนาอันเป็นองค์ประกอบความผิดทางอาญา ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่พิพาทรายนี้ยังโต้เถียงความเป็นเจ้าของกันอยู่ ระหว่างโจทก์กับนางพอน ยังไม่ได้ความแน่ชัดว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยเข้าทำนาก็ปรากฏว่านางพอนให้จำเลยทำ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ตามนัยฎีกาที่ 253/2510 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดแพร่ โจทก์ นางจันตา อุดมผล จำเลย
พิพากษายืน