คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2522

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สถานบริการรำวงมีหญิงบริการอาจตั้งได้โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 4จำเลยมิใช่ผู้ขาดคุณสมบัติตาม มาตรา 6 หรือสถานที่ต้องห้ามตาม มาตรา 7ความผิดอยู่ที่ไม่ได้รับอนุญาต เงินที่จำเลยได้รับและบัตรของกลางไม่ใช่ได้มาจากการกระทำผิดโดยตรง ไม่ริบตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา33

ย่อยาว

โจทก์ ฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงวันที่ 23 เดือนสิงหาคมพุทธศักราช 2521

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2521 เวลากลางวันจำเลยบังอาจตั้งสถานบริการรำวงประเภทที่มีหญิงพาดเนอร์บริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ในการค้าของจำเลย เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมด้วยเงิน 10 บาท และบัตรรำวง 80 ใบ ในที่จำเลยได้มาและใช้ในการกระทำผิดดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 มาตรา 3, 4, 26 และริบของกลาง

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานบริการพ.ศ. 2509 มาตรา 3, 4, 26 ปรับ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงปรับจำเลย 1,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ความผิดของจำเลยอยู่ที่การไม่ได้ขออนุญาต ของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้มาหรือใช้ในการกระทำผิดจึงไม่ริบ

โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบของกลาง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่ากฎหมายมิได้ห้ามไม่ให้ตั้งสถานบริการรำวงประเภทที่มีหญิงพาตเนอร์บริการ สถานบริการรำวงประเภทที่มีหญิงพาตเนอร์บริการอาจตั้งได้โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 มาตรา 4 และไม่ปรากฏว่าจำเลยขาดคุณสมบัติตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 และสถานบริการเป็นสถานที่ต้องห้ามตามมาตรา 7 ความผิดของจำเลยจึงอยู่ที่ตั้งสถานบริการรำวงประเภทที่มีหญิงพาตเนอร์บริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่และพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ได้บัญญัติให้ริบเงินที่ได้มาหรือบัตรที่ใช้ในการตั้งสถานบริการรำวงประเภทที่มีหญิงพาตเนอร์บริการ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ เงินและบัตรของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้มาและใช้ในการกระทำผิดโดยตรง อันจะพึงต้องริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33คำพิพากษาฎีกาที่ 366/2490, 751/2507 และ 1285/2503 ที่โจทก์อ้างไม่ตรงกับรูปคดีในคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share