คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จะนับโทษต่อให้หรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาล
เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะในข้อที่ให้นับโทษจำคุกจำเลยสองสำนวนควบกันไปโดยไม่นับโทษติดต่อกันนั้นเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทุจริตต่อหน้าที่ ยักยอกเงินของแผนกมหาดไทยรวมทั้งสิ้น 3,462 บาท ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทุจริตต่อหน้าที่โดยยักยอกเอาเงินของทางราชการซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยไว้เป็นประโยชน์ของตนตามคำฟ้องของโจทก์ (ไม่ระบุบทลงโทษ) ให้จำคุกจำเลย 1 ปีและให้คืนเงินแก่เจ้าทรัพย์

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยให้ลงโทษตาม กฎหมายอาญามาตรา 131 ตามที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2484 มาตรา 3 แต่การยักยอกเงินรายนี้กับเงินสำมโนเกษตรที่โจทก์แยกฟ้องจำเลยเป็นอีกสำนวนหนึ่งตามคดีดำที่ 74/2497 คดีแดงที่ 802/2497 คดีศาลอุทธรณ์ดำที่ 917/2498 คดีแดงที่ 3271/2498 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตรวจพบพร้อมกัน จึงให้นับกำหนดโทษจำเลยในคดีสองสำนวนนี้ควบกันไป

โจทก์ฎีกาขอให้นับโทษจำเลยติดต่อกัน

ศาลฎีกาปรึกษาคดีนี้แล้วเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลยพินิจให้นับโทษจำคุกจำเลยสองสำนวนควบกันไปโดยไม่นับโทษติดต่อกันซึ่งเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาโจทก์ ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับวินิจฉัย

Share