คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8159/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การใช้เอกสารปลอมเป็นการกระทำอันเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคแรก ฐานหนึ่ง แม้มาตรา 268 วรรคแรก บัญญัติว่า ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 264 … ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ ก็ตาม แต่มิใช่จะถือว่าเป็นความผิดฐานเดียวกันกับความผิดนั้น ๆ เมื่อโจทก์บรรยายการกระทำความผิดในฐานนี้มาในคำฟ้อง แต่คำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตาม ป.อ. เฉพาะมาตรา 264 มิได้ระบุมาตรา 268 ด้วย จะถือว่าความผิดตามฟ้องนั้นรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่างเป็นความผิดอยู่ในตัวเอง อันจะทำให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารปลอมตามที่พิจารณาได้ความหาได้ไม่ คำฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (6)
แม้ บ. เคยทำบันทึกข้อตกลงให้ที่ดินของตนตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หลังจากที่พี่สาวของโจทก์ปลดจำนองแล้ว แต่เมื่อขณะเกิดเหตุกรรมสิทธิ์ในที่ดินยังเป็นของ บ. ความเสียหายเกิดจากการร่วมกันปลอมหนังสือมอบอำนาจ จึงเกิดขึ้นแก่ บ. เท่านั้น โจทก์จึงไม่เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสาร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 264, 352
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ให้ประทับฟ้องในข้อหาดังกล่าว ส่วนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง, 268 วรรคแรก เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 แต่เนื่องจากจำเลยทั้งสองเป็นผู้ทำปลอมเอกสารนั้นเอง จึงให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคสอง แต่กระทงเดียว จำคุกคนละ 6 เดือน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์ โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า เมื่อคำขอท้ายฟ้องโจทก์ไม่ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสองได้หรือไม่ โดยโจทก์ฎีกาว่า ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้ายนั้น เห็นว่า การใช้เอกสารปลอมเป็นการกระทำอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ฐานหนึ่ง แม้มาตรา 268 วรรคแรก บัญญัติว่า “ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 264 …. ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้น ๆ” ก็ตาม แต่ก็มิใช่จะถือว่าเป็นความผิดฐานเดียวกันกับความผิดนั้น ๆ เมื่อโจทก์บรรยายการกระทำความผิดในฐานนี้มาในคำฟ้อง แต่คำขอท้ายฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญาเฉพาะมาตรา 264 มิได้ระบุมาตรา 268 ด้วย จะถือว่าความผิดตามฟ้องนั้นรวมการกระทำหลายอย่าง แต่ละอย่างเป็นความผิดอยู่ในตัวเอง อันจะทำให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันใช้หนังสือมอบอำนาจปลอมตามที่พิจารณาได้ความหาได้ไม่ ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อต่อไปว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ขณะเกิดเหตุเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2554 ที่จำเลยทั้งสองให้นางบุญพิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือในหนังสือมอบอำนาจ นางบุญยังมีชีวิตอยู่ และนางบุญถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2554 แม้ได้ความตามทางนำสืบของโจทก์ว่า นางบุญเคยทำบันทึกข้อตกลงให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 20763 ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หลังจากที่นางละเอียด พี่สาวของโจทก์ปลดจำนองเรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่เมื่อขณะเกิดเหตุกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวยังคงเป็นของนางบุญ ความเสียหายอันเกิดจากการร่วมกันปลอมหนังสือมอบอำนาจจึงเกิดขึ้นแก่นางบุญเท่านั้น โจทก์จึงไม่เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสาร ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน

Share