คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2540/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะได้รับการสถาปนาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขึ้นเป็นสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำดับที่ 2 โจทก์ก็ยังคงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเท่านั้น เพราะตาม พ.ร.บ.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2530 มิได้กำหนดให้กลุ่ม “อุตสาหกรรม” หรือ “กลุ่มท้องที่” ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจัดตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคลแยกเป็นต่างหากแต่ประการใด จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นเพียงสำนักงานสาขาในจังหวัดอื่นของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีเองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าตอบแทนในการจัดงานในนามของโจทก์ เป็นเงินจำนวน ๕๗๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี จากต้นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๓๐ มาตรา ๕ วรรคสอง บัญญัติว่า ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นนิติบุคคล และมาตรา ๘ วรรคแรก บัญญัติว่า ให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานครและให้มีสำนักงานสาขาในจังหวัดอื่นได้ตามความจำเป็น แม้โจทก์จะได้รับการสถาปนาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขึ้นเป็นสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลำดับที่ ๒ ซึ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีอำนาจกระทำได้ตามมาตรา ๙ ของพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ตาม โจทก์ก็ยังคงเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเท่านั้น เพราะตามพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๓๐ มิได้กำหนดให้กลุ่ม “อุตสาหกรรม” หรือ “กลุ่มท้องที่” ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจัดตั้งขึ้นนั้นเป็นนิติบุคคลแยกเป็นต่างหากแต่ประการใด แม้ตามระเบียบข้อบังคับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยฉบับที่ ๕ ว่าด้วยกลุ่มสมาชิก พ.ศ.๒๕๔๐ ข้อ ๙. จะกำหนดว่าเมื่อมีการจัดตั้งกลุ่มสมาชิกแล้ว ให้คณะกรรมการกลุ่มสมาชิกดำเนินกิจกรรมหรือทำนิติกรรมใด ๆ ในนามของกลุ่มสมาชิกนั้น ๆ ภายใต้การควบคุมและรับผิดชอบของคณะกรรมการกลุ่มสมาชิกและสมาชิกของกลุ่ม การดำเนินการใด ๆ ดังกล่าวข้างต้นไม่มีผลผูกพันสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยทางกฎหมายแต่อย่างใดทั้งสิ้นก็ตาม ก็หามีผลทำให้โจทก์ซึ่งเป็นกลุ่มสมาชิกที่จัดตั้งขึ้นมีฐานะเป็นนิติบุคคลไม่ เมื่อโจทก์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นเพียงสำนักงานสาขาในจังหวัดอื่นของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยตามพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ.๒๕๓๐ มาตรา ๘ วรรคแรก โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีเองได้ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

นายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ ผู้ช่วยฯ
นายเจษฎา ชุมเปีย ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายกีรติ กาญจนรินทร์ ผู้ช่วยฯ/ตรวจ

Share