คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1206/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าสินค้าที่โจทก์รับประกันภัยไว้ได้ขาดหายไปในระหว่างการขนส่ง จำเลยซึ่งเป็นผู้ทำการขนส่งสินค้าร่วมทอดหนึ่งจึงต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์จำเลยให้การว่าสินค้ามิได้ขาดหาย ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไว้ข้อหนึ่งว่าจำเลยเป็นผู้ทำการขนส่งสินค้าร่วมในทอดสุดท้ายจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่เพียงใด ดังนั้น การที่จำเลยนำสืบว่าสินค้าตามฟ้องได้ขาดหายไปในระหว่างเก็บอยู่ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยนั้น เป็นการนำสืบเพื่อให้เห็นว่าสินค้ามิได้ขาดหายในระหว่างขนส่งตามข้อต่อสู้ของจำเลยในคำให้การนั่นเอง หาเป็นการนำสืบนอกคำให้การและนอกประเด็นไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าสินค้าที่โจทก์รับประกันภัยไว้จากห้างหุ้นส่วนจำกัดเท่งกวงพานิชได้สูญหายไปในระหว่างการขนส่งโจทก์ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จำเลยในฐานะผู้ทำการขนส่งสินค้าทอดหนึ่งต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามจำนวนที่โจทก์ได้ชำระให้แก่ผู้เอาประกันภัยไป ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 181,390.05 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้เป็นผู้ขนส่งร่วม จำเลยเป็นเพียงตัวแทนเรือผู้ขนส่งสินค้าทางทะเลเท่านั้น สินค้ามิได้ขาดหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 181,390.05 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน2526 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สินค้าตามฟ้องมิได้ขาดหายไปในระหว่างการขนส่งที่อยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สินค้าตามฟ้องได้ขาดหายไปในระหว่างที่เก็บอยู่ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นโดยจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่า สินค้าได้ขาดหายไปในระหว่างเก็บอยู่ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดเป็นประเด็นพิพาทแห่งคดีที่ศาลอุทธรณ์ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำให้การของจำเลยแล้ว เห็นว่า จำเลยได้ให้การต่อสู้ไว้แล้วว่าสินค้ามิได้ขาดหาย และศาลชั้นต้นได้กำหนดประเด็นพิพาทไว้ในข้อ 2 ว่าจำเลยเป็นผู้ทำการขนส่งสินค้าร่วมในทอดสุดท้ายจากประเทศสิงคโปร์มาประเทศไทย ซึ่งจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องเพียงใดหรือไม่ ซึ่งในข้อที่ว่า จำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้องเพียงใดหรือไม่นี้ย่อมรวมถึงการนำสืบในข้อเท็จจริงที่ว่าสินค้าได้ขาดหายไปในระหว่างการขนส่งหรือไม่ด้วย เพราะโจทก์ฟ้องว่าสินค้าได้ขาดหายไปในระหว่างการขนส่ง จำเลยให้การว่ามิได้ขาดหายไป ส่วนที่จำเลยนำสืบว่าสินค้าตามฟ้องได้ขาดหายไปในระหว่างเก็บอยู่ในโรงพักสินค้าของการท่าเรือแห่งประเทศไทยนั้นก็เป็นการนำสืบเพื่อให้เห็นว่าสินค้ามิได้ขาดหายในระหว่างขนส่งตามข้อต่อสู้ของจำเลยในคำให้การนั่นเอง หาเป็นการนำสืบนอกคำให้การและนอกประเด็นไม่ และการที่ศาลอุทธรณ์นำข้อเท็จจริงดังกล่าวมาวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยจึงไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
พิพากษายืน.

Share