คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยนำรถจักรยานยนต์เข้าไปจอดและตั้งแสดงบนที่ดินของโจทก์ร่วมที่อยู่ติดกับร้านขายรถจักรยานยนต์ของจำเลยเพื่อขายในเวลากลางวัน และนำเข้าเก็บรักษาในร้านในเวลากลางคืน เป็นการเคลื่อนย้ายรถจักรยานยนต์ออกไปจากที่ดินของโจทก์ร่วมเป็นการชั่วคราวเพื่อจะนำเข้าไปตั้งแสดงใหม่ในวันรุ่งขึ้นด้วยจุดประสงค์เดียวกันกับที่ได้กระทำมาแล้วในครั้งแรกอีก แม้จะมีการกระทำหลายครั้งแต่ก็เป็นเพียงการกระทำที่ยืดออกไปจากการกระทำความผิดครั้งแรกและเป็นเพียงผลของการบุกรุกที่ได้กระทำสำเร็จไปแล้ว ต้องถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกระทงเดียวนับแต่การกระทำความผิดครั้งแรกสำเร็จลง ความผิดฐานบุกรุกเป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์ร่วมรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่เดือนมีนาคม2536 แต่เพิ่งร้องทุกข์เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2537 พ้นกำหนด3 เดือนแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น บริษัทสหไทยชัยกิจ จำกัดผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ โดยอัยการสูงสุดกับผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทนครหลวงคอมเมอร์เชียล จำกัดมีกิจการเกี่ยวกับการขายรถจักรยานยนต์จำเลยได้นำรถจักรยานยนต์จำนวนหลายคันไปจอดบนที่ดินของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ติดกับร้านขายรถจักรยานยนต์ของบริษัทเพื่อขายและแสดงแก่ประชาชนทั่วไปเฉพาะในเวลากลางวัน ทุกวันเว้นวันหยุดราชการ ส่วนเวลากลางคืนจำเลยจะขนย้ายรถจักรยานยนต์เข้าจอดเก็บไว้ในร้านของบริษัทเป็นประจำ โจทก์ร่วมเคยมีหนังสือห้ามมิให้กรรมการและบริษัทดังกล่าวนำรถจักรยานยนต์เข้าไปจอดบนที่ดินของโจทก์ร่วมเมื่อเดือนมีนาคม 2536 ตามเอกสารหมาย จ.ร.1 (จำนวน 8 แผ่น)แต่จำเลยยังนำรถจักรยานยนต์เข้าจอดเป็นประจำตลอดมา วันที่25 ตุลาคม 2537 โจทก์ร่วมจึงร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยในข้อหาบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมตามเอกสารหมาย จ.4 ดังนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันและคดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า บริษัทที่จำเลยเป็นกรรมการผู้จัดการอยู่ประกอบธุรกิจขายรถจักรยานยนต์การนำรถจักรยานยนต์ออกตั้งและแสดงแก่ประชาชน เพื่อขายในเวลากลางวันและนำรถเข้าเก็บในร้านในเวลากลางคืนย่อมเป็นกิจปกติที่ผู้มีอาชีพเช่นนั้นพึงกระทำเป็นประจำต่อเนื่องกันทุกวันเหตุนี้ที่จำเลยนำรถจักรยานยนต์เข้าไปจอดและตั้งแสดงบนที่ดินของโจทก์ร่วมที่อยู่ติดกับร้านขายรถจักรยานยนต์ของจำเลยเพื่อขายในเวลากลางวันและนำเข้าเก็บรักษาในร้านในเวลากลางคืนตามสภาพบังคับให้ต้องเคลื่อนย้ายรถจักรยานยนต์ออกไปจากที่ดินของโจทก์ร่วมเป็นการชั่วคราวเพื่อจะได้นำเข้าไปตั้งแสดงใหม่ในวันรุ่งขึ้นด้วยจุดประสงค์เดียวกันกับที่ได้กระทำมาแล้วในครั้งแรกอีก หากการกระทำดังกล่าวของจำเลยจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตามที่โจทก์ฟ้องก็เป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายในฐานความผิดเดียวกันโดยผู้กระทำผิดคนเดียวกัน และมีจุดประสงค์ในการกระทำความผิดเป็นอย่างเดียวกัน แม้จะมีการกระทำหลายครั้งแต่การกระทำเหล่านั้นก็เป็นเพียงการกระทำที่ยืดออกไปจากการกระทำความผิดครั้งแรกและเป็นเพียงผลของการบุกรุกที่ได้กระทำสำเร็จไปแล้ว หาใช่เป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันแยกออกไปต่างหากดังที่โจทก์ร่วมฎีกาไม่ ต้องถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกระทงเดียว นับแต่การกระทำความผิดครั้งแรกสำเร็จลง เมื่อความผิดฐานบุกรุกตามที่โจทก์ฟ้องเป็นความผิดอันยอมความได้ โจทก์ร่วมได้รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2536 แต่โจทก์ร่วมเพิ่งร้องทุกข์เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2537 พ้นกำหนด 3 เดือนแล้วคดีโจทก์จึงขาดอายุความ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์จึงชอบแล้วฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share