คำวินิจฉัยที่ 89/2563

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่ผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดซึ่งเป็นเอกชนยื่นฟ้ององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านไทร ที่๑ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านไทร ที่ ๒ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสุรินทร์ สาขาปราสาทที่ ๓ผู้ถูกฟ้องคดี ระหว่างพิจารณาศาลปกครองนครราชสีมามีคำสั่งเรียกนายอำเภอปราสาทเข้ามาเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ สรุปคำฟ้องได้ว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิซึ่งติดกับหนองทนงหรือหนองต่วน (หนองน้ำสาธารณะ) แต่เจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑นำป้ายประกาศที่สาธารณะประจำหมู่บ้านหนองทนง หมู่ที่ ๒ และป้ายประกาศห้ามบุกรุกที่ดินไปปักไว้ในที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดครอบครอง นำดินไปถมในที่ดินรื้อรั้วลวดหนามของผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดและขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ รังวัดที่ดินเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) ทำให้ผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดไม่สามารถทําประโยชน์ในที่ดินได้ ขอให้บังคับผู้ถูกฟ้องคดีที่๒ ระงับการถมดินและปรับสภาพที่ดินให้เป็นดังเดิม ให้ระงับการรังวัดที่ดินพิพาท และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ให้การทำนองเดียวกันว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกัน การดำเนินการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงบริเวณที่ดินพิพาทชอบด้วยกฎหมาย และการถมดินที่ดินพิพาทเพื่อทำสนามฟุตบอลชั่วคราวสำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดไม่ได้รับความเสียหาย เห็นว่า แม้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จะเป็นหน่วยงานทางปกครอง และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ถึงที่ ๔ จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๒ แต่เหตุแห่งการฟ้องคดีนี้ ผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดกล่าวอ้างว่า ผู้แทนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑นำป้ายประกาศที่สาธารณะประจำหมู่บ้านหนองทนง หมู่ที่ ๒ และป้ายประกาศห้ามบุกรุกที่ดินไปปักแสดงไว้ในที่ดินพิพาท นำดินถมในที่ดินพิพาทรื้อรั้วลวดหนามของผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดและนำรังวัดเพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในที่ดินพิพาท ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดอ้างว่าเป็นที่ดินที่ตนมีสิทธิครอบครองโดยผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ให้การทำนองเดียวกันว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ร่วมกันอันเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน การที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดหรือไม่ เป็นเพียงผลของการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินพิพาทระหว่างผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งหากศาลวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ด การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กระทำการตามฟ้องก็เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ด แต่หากที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จะเป็นผลให้การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่เป็นละเมิด ดังนั้น จึงเห็นได้ว่า การที่ผู้ฟ้องคดีทั้งเจ็ดใช้สิทธิฟ้องคดีนี้ก็เพื่อขอให้ศาลรับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินของตนเป็นสำคัญ ข้อพิพาทในคดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share