แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ว. ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะ โจทก์ไม่คัดค้าน ศาลอุทธรณ์จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ต่อเมื่อมีบุคคลเข้าแทนที่ผู้มรณะก่อน และจะต้องมีคำสั่งในการที่จะเข้ามาเป็นคู่ความ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 , 44 การที่ศาลอุทธรณ์มิได้มีคำสั่งเรื่องการขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่และพิพากษาคดีไปจึงไม่ชอบ แต่เนื่องจากคดีนี้ได้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรสั่งคำร้องขอเข้าเป็นผู้แทนจำเลยไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์สั่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน ๑๐๑,๐๔๑.๖๖ บาท และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ ๑ ถึงแก่กรรม นายวีรพงษ์ ต้องสุดใจธรรม บุตรจำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ นายวีรพงษ์ ต้องสุดใจธรรม ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ ๑ ผู้มรณะ โจทก์ไม่คัดค้าน ในกรณีนี้ศาลอุทธรณ์จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ต่อเมื่อมีบุคคลเข้าแทนที่ผู้มรณะก่อน และจะต้องมีคำสั่งในการที่จะเข้ามาเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๒ , ๔๔ การที่ศาลอุทธรณ์มิได้มีคำสั่งเรื่องการขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่และพิพากษาคดีไปจึงไม่ชอบ แต่เนื่องจากคดีนี้ได้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งคำร้องของนายวีรพงษ์ดังกล่าวไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์สั่ง ข้อเท็จจริงปรากฏว่า นายวีรพงษ์เป็นบุตรของจำเลยที่ ๑ จึงเป็นทายาทของจำเลยที่ ๑ ย่อมเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ ๑ ได้ จึงมีคำสั่งอนุญาตให้นายวีรพงษ์เข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยที่ ๑ ผู้มรณะ และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ กู้ยืมเงินจากโจทก์สั่งจ่ายเช็คพิพาท ซึ่งจำเลยที่ ๒ ลงลายมือชื่อสลักหลังให้โจทก์ยึดถือไว้ เมื่อจำเลยที่ ๑ ผิดนัดผิดสัญญาไม่ชำระดอกเบี้ยและโจทก์กำหนดเวลาให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้แล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ โจทก์มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายจะจดแจ้งลงวันเดือนปีในเช็คพิพาท ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๑๐ วรรคสุดท้าย ประกอบด้วยมาตรา ๙๘๙ วรรคแรก เมื่อธนาคารผู้จ่ายปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยที่ ๑ ผู้สั่งจ่าย และจำเลยที่ ๒ ผู้สลักหลังเช็คพิพาทต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ผู้ทรง
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๔๑ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาล โดยกำหนดค่าทนายความรวม ๕,๐๐๐ บาท แทนโจทก์.