แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ โจทก์จะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 226 หากโจทก์มิได้โต้แย้งไว้ก็ไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ เมื่อคำร้องคัดค้านของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของผู้ร้องที่ยื่นเข้ามาเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์ หาใช่คำโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับการที่ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอขยายระยะเวลายื่น คำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายหลังจากวันครบกำหนดยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องไม่ และศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายหลังจากที่โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้าน จึงไม่อาจถือว่าคำร้องคัดค้าน ของโจทก์เป็นคำโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องเรียกให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค ศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดหนองคาย) พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๕๐๖,๙๘๖.๓๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องของเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลจังหวัดบึงกาฬ ศาลจังหวัดบึงกาฬสั่งรับคำร้อง ต่อมาศาลจังหวัดบึงกาฬมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งเดิมแล้วมีคำสั่งใหม่เป็นไม่รับคำร้อง ผู้ร้องทราบคำสั่งศาลจังหวัดบึงกาฬหลังจากครบกำหนดเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๙๐ จึงยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ต่อศาลชั้นต้นหลังจากครบกำหนดเวลายื่นแล้ว ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่า กรณีเป็นเหตุสุดวิสัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๓ ผู้ร้อง ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาหลังจากวันครบกำหนดได้ อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินที่ขายทอดตลาดได้ หากมีการถอนการยึดทรัพย์หรือโจทก์สละสิทธิ์ในการบังคับคดี ผู้ร้องขอบังคับคดีต่อไป
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยทรัพย์ได้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ โจทก์จะต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๖ หากโจทก์มิได้โต้แย้งไว้ก็ไม่อาจอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวกับ การที่ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ภายหลังจากวันครบกำหนดยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องแล้ว ตามคำร้องคัดค้านของโจทก์ฉบับลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ศาลฎีกาได้ตรวจดูคำร้องคัดค้านของโจทก์ฉบับดังกล่าวแล้ว เห็นว่า เป็นเรื่องที่โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของผู้ร้องที่ยื่นเข้ามาเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์ หาใช่คำโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๐ ภายหลังจากที่โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านจึงไม่อาจมีกรณีที่โจทก์จะอ้างคำร้องคัดค้าน ฉบับลงวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เป็นคำโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นได้ ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น
ปัญหาวินิจฉัยต่อไปมีว่า ผู้ร้องสามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยหรือไม่ เห็นว่า ทรัพย์สินของจำเลยที่ผู้ร้องนำยึดตามเอกสารหมาย ร.๒ และ ร.๓ ติดภาระจำนองธนาคารกรุงเทพ จำกัด ในมูลหนี้กู้ยืม มูลหนี้ เบิกเงินเกินบัญชี และมูลหนี้ขายลดเช็คพร้อมดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน ๕,๑๗๑,๖๔๑.๗๗ บาท และศาลจังหวัดบึงกาฬมีคำสั่งอนุญาตให้ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ได้รับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้รายอื่นนอกจากนี้จำเลยยังเป็นหนี้ผู้ร้องตาม คำพิพากษาศาลจังหวัดบึงกาฬเอกสารหมาย ร.๑ เป็นจำนวน ๑,๕๒๐,๒๖๕ บาท ทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยที่ผู้ร้องนำยึดไว้ย่อมไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้อย่างสิ้นเชิง ทั้งข้อที่โจทก์อ้างว่าจะขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยได้ประมาณ ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ถึง ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น โจทก์เพิ่งจะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา ทั้ง ๆ ที่เคยเบิกความไว้ว่า ทรัพย์ของจำเลยที่ผู้ร้องนำยึดนั้นจะขายได้ราคาประมาณ ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในชั้นฎีกาโจทก์กลับอ้างราคาเพิ่มขึ้นอีก จึงเห็นได้ว่าโจทก์อ้างราคาเอาตามใจชอบไม่มีเหตุผลจึงไม่น่ารับฟัง ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๐๐๐ บาท แทนผู้ร้อง .