แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์และได้แผ้วถางที่ดินดังกล่าวใช้ทำไร่ ทำให้บุคคลอื่นทั่วไปไม่สามารถใช้ประโยชน์จากหนองคำปลาหลาอันเป็นสาธารณประโยชน์ในส่วนที่จำเลยบุกรุกยึดถือครอบครอง เป็นการทำให้หนองสาธารณะนั้นไร้ประโยชน์แม้เป็นเพียงบางส่วน การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อ สาธารณประโยชน์แล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 360ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8, 9, 108 ทวิ พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 54, 72 ตรี กับให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินดังกล่าวด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 จำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีฟังข้อเท็จจริงได้ว่า จำเลยบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินสาธารณประโยชน์และได้แผ้วถางที่ดินดังกล่าวใช้ทำไร่ซึ่งย่อมทำให้บุคคลอื่นทั่วไปไม่สามารถใช้ประโยชน์จากหนองคำปลาหลาอันเป็นที่สาธารณประโยชน์ในส่วนที่จำเลยบุกรุกยึดถือครอบครองไว้ เป็นการทำให้หนองสาธารณนั้นไร้ประโยชน์แม้เป็นเพียงบางส่วนการกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์แล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น แต่เนื่องจากไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อน เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีซึ่งความเสียหายไม่ร้ายแรงแล้ว เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีสักครั้งหนึ่งโดยรอการลงโทษจำคุกไว้ แต่ให้ลงโทษปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งและกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติของจำเลยไว้ด้วย”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยอีกสถานหนึ่งเป็นเงิน 4,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี และกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติของจำเลยไว้ 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อครั้ง ให้จำเลยเข้าร่วมกิจกรรมบริการสังคมหรือบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1