คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1181/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ตกลงทำสัญญาเช่าฉาง เก็บรักษาข้าวเปลือกจากจำเลย โดยมีข้อสัญญาที่จำเลยจะต้องรับผิดถ้าเกิดความเสียหายหรือ สูญหายขึ้น และต้องชดใช้ราคาข้าวเปลือกที่ยุบตัวตามสภาพ ไม่เกินร้อยละ 2 ของจำนวนข้าวทั้งหมดหรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย สัญญาดังกล่าวนอกจากเป็นสัญญาเช่าทรัพย์แล้ว ยังมีข้อกำหนด ให้จำเลยมีหน้าที่เก็บรักษาข้าวเปลือก ดูแลมิให้เกิดความ เสียหายหรือสูญหายขึ้น จำเลยต้องรับผิดชอบใช้ราคาข้าวเปลือก ที่ขาดจำนวนไปให้แก่โจทก์ ซึ่งมีลักษณะเป็นสัญญาฝากทรัพย์ รวมอยู่ด้วย การฟ้องให้จำเลยชำระราคาข้าวเปลือกที่ขาดจำนวน ไปพร้อมดอกเบี้ยเช่นนี้ มิใช่การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน เกี่ยวกับการฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671 และไม่มีกฎหมายบัญญัติถึงเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปคือ 10 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/30(มาตรา 164 เดิม) ฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระราคาข้าวเปลือกที่สูญหายไปจำนวน 193,217.33 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระราคาข้าวเปลือกเป็นเงิน193,217.33 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ได้ตกลงทำสัญญาเช่าฉาง เก็บรักษาข้าวเปลือกจากจำเลย มีกำหนด 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2522ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2523 โดยมีข้อสัญญาที่จำเลยจะต้องรับผิดถ้าเกิดความเสียหายหรือสูญหายขึ้นและจะต้องชดใช้ราคาข้าวเปลือกที่ผิดชนิดหรือขาดจำนวนไปไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ยกเว้นข้าวเปลือกที่ยุบตัวตามสภาพไม่เกินร้อยละ 2 ของจำนวนข้าวทั้งหมดหรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย ตามสัญญาเอกสารหมาย จ.2 ข้อ 4เมื่อทำสัญญาแล้วโจทก์ได้นำข้าวเปลือกที่ซื้อมาจากเกษตรกรมาเก็บไว้ที่ฉางนี้หลายครั้ง ต่อมาเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้สั่งจ่ายข้าวเปลือกออกจากฉางหลายครั้ง และเมื่อสัญญาสิ้นสุดแล้วโจทก์ได้ทำการตรวจสอบข้าวเปลือกที่ฝากไว้ที่ฉางดังกล่าวพบว่าขาดหายไป 68,665.04 กิโลกรัม คิดเป็นเงิน 193,217.33 บาทปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ปัญหาแรกมีว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671ได้บัญญัติถึงอายุความฟ้องร้องคดีในความรับผิดเพื่อใช้เงินบำเหน็จค่าฝากทรัพย์ การชดใช้เงินค่าใช้จ่ายและการใช้ค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวแก่การฝากทรัพย์ ซึ่งจะต้องฟ้องภายในกำหนด 6 เดือนนับแต่วันสิ้นสัญญา คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยตามสัญญาเช่าฉางซึ่งนอกจากเป็นสัญญาเช่าทรัพย์แล้ว ยังมีข้อกำหนดให้จำเลยมีหน้าที่เก็บรักษาข้าวเปลือก ดูแลมิให้เกิดความเสียหายแก่ข้าวเปลือกที่เก็บรักษาไว้ในฉางด้วย หากเกิดความเสียหายหรือสูญหายขึ้นจำเลยต้องรับผิดชอบใช้ราคาข้าวเปลือกที่ขาดจำนวนไปให้แก่โจทก์ซึ่งมีลักษณะเป็นสัญญาฝากทรัพย์รวมอยู่ด้วยการฟ้องให้จำเลยชำระราคาข้าวเปลือกที่ขาดจำนวนไปพร้อมดอกเบี้ยเช่นนี้ มิใช่การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวกับการฝากทรัพย์ตามมาตรา 671 และไม่มีกฎหมายบัญญัติถึงเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปคือ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 เดิม ฟ้องโจทก์ยังไม่ขาดอายุความตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 9204/2538 องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรโจทก์ นายอรุณ นิชนากร จำเลย ฎีกาของโจทก์ในปัญหานี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share