แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ริบทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสองจะถึงที่สุดแล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏในภายหลังว่า คดีที่ผู้ร้องฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 กับพวกเป็นจำเลยในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันเป็นเหตุให้มีการยึดทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสองในคดีนี้ ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 คือผู้คัดค้านที่ 1 ในคดีนี้ ย่อมแสดงว่าผู้คัดค้านที่ 1 มิได้เป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันเป็นเหตุให้มีการยึดทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสองในคดีนี้แล้ว ทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสองจึงไม่เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่ศาลจะสั่งริบได้ ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 29 อีกต่อไป จึงต้องคืนทรัพย์สินให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสอง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินรายการที่ 1, 3 ถึง 7, 9 ถึง 13, 15 ถึง 20, 22, 25 ถึง 69 ตามคำร้องขอให้ริบทรัพย์ ให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 29, 31
ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการริบทรัพย์สินรายการที่ 3, 5, 65 ถึง 69 ของผู้คัดค้านที่ 1 และทรัพย์สินของผู้คัดค้านที่ 2 ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 32
ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้คัดค้านที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้คืนทรัพย์สินรายการที่ 1, 3 ถึง 7, 9 ถึง 13, 15 ถึง 20, 22, 25 ถึง 69 แก่ผู้คัดค้านทั้งสอง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังได้ว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ริบทรัพย์สินรายการที่ 1, 3 ถึง 7, 9 ถึง 13, 15 ถึง 20, 22 และ 25 ถึง 69 ของผู้คัดค้านทั้งสองให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้คัดค้านทั้งสองไม่อุทธรณ์ คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาปรากฏว่า คดีที่ผู้ร้องฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 กับพวกเป็นจำเลยในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นเหตุให้มีการยึดทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสองดังกล่าว ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3257/2547 ของศาลชั้นต้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนทรัพย์สินตามคำร้องของผู้คัดค้านทั้งสองชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องของผู้คัดค้านที่ 1 ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งริบทรัพย์สินนั้น เท่ากับเป็นการขอให้คืนทรัพย์สินที่ริบให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสองนั่นเอง แม้คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ริบทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสองจะถึงที่สุดแล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏในภายหลังว่า คดีที่ผู้ร้องฟ้องผู้คัดค้านที่ 1 กับพวกเป็นจำเลยในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันเป็นเหตุให้มีการยึดทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสองในคดีนี้ ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 คือผู้คัดค้านที่ 1 ในคดีนี้ ย่อมแสดงว่าผู้คัดค้านที่ 1 มิได้เป็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอันเป็นเหตุให้มีการยึดทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสองในคดีนี้แล้ว ทรัพย์สินของผู้คัดค้านทั้งสองจึงไม่เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่ศาลจะสั่งริบได้ ตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 29 อีกต่อไป จึงต้องคืนทรัพย์สินให้แก่ผู้คัดค้านทั้งสอง แต่สำหรับทรัพย์สินรายการที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้คืนแก่ผู้คัดค้านที่ 1 ด้วยนั้น เห็นว่า แม้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ริบทรัพย์สินในคดีนี้ โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดของผู้คัดค้านที่ 1 เพียงคนเดียว แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในคดีอาญาที่ผู้คัดค้านที่ 1 ถูกฟ้องว่า ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 สำหรับทรัพย์สินรายการที่ 1 เป็นเงินสด 2,480,690 บาท ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านและนำสืบต่อสู้ว่าเป็นเงินของจำเลยที่ 2 ซึ่งในคดีอาญาดังกล่าวศาลฎีกาพิพากษาคดีถึงที่สุดแล้วว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20,000 เม็ด จึงถือว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจึงเข้าข้อสันนิษฐานว่า ทรัพย์สินส่วนของจำเลยที่ 2 เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 มาตรา 29 วรรคสอง เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ยื่นคำคัดค้านต่อสู้คดีนี้ จึงฟังได้ว่าเงินสดจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ซึ่งต้องริบ ทั้งผู้คัดค้านที่ 1 เองก็ไม่ได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการริบทรัพย์สินรายการนี้ด้วย ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้คืนทรัพย์สินรายการที่ 1 คือ เงินสด 2,480,690 บาท แก่ผู้คัดค้านทั้งสองจึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้ร้องฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่คืนทรัพย์รายการที่ 1 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์