แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมที่เช่าเป็นที่สวนผู้เช่าเช่ามาเพื่อทำสวนต่อมาที่ดินได้กลายสภาพไป ไม่ใช่สวนแล้วบุตรผู้เช่าเดิมได้ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินใหม่ในสัญญาก็มิได้ระบุว่า เพื่อทำสวนดังที่มารดาทำให้ไว้แต่เดิมทั้งความจริงผู้เช่าคนหลังนี้ก็มิได้ใช้ที่พิพาทในการทำสวนเลยแต่ปลูกบ้านอยู่ และให้ญาติพี่น้องเข้ามาปลูกบ้านอยู่กันหลายหลัง เช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการเช่าที่ดินเพื่อปลูกที่อยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯและการที่ผู้เช่าให้ญาติพี่น้องเข้ามาปลูกเรือนอยู่อาศัยในที่เช่าด้วย นั้นเมื่อมิได้ให้เช่าช่วงแล้ว เจ้าของที่ดินก็จะฟ้องขับไล่ไม่ได้เพราะพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯลฯบัญญัติเฉพาะกรณีที่ผู้เช่าให้เช่าช่วงเท่านั้นไม่ได้ห้ามถึงกรณีที่ผู้เช่าให้ญาติพี่น้องเข้ามาใช้ประโยชน์บนที่ดินที่เช่าด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยเช่าเพื่อทำสวน ครบกำหนดอายุสัญญาแล้ว และจำเลยยังทำผิดสัญญาโดยให้บุคคลอื่นเช่าช่วง และเข้าใช้ประโยชน์บนที่ดินเช่า โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว
จำเลยปฏิเสธ ต่อสู้ว่าเช่าที่ดินปลูกเรือนอยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยเช่าเพื่อทำสวนไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ จึงพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้เดิมที่พิพาทจะเป็นที่สวน และมารดาจำเลยเช่ามาเพื่อทำสวนก็ดี แต่บัดนี้ที่ดินได้กลายสภาพไป มิใช่สวนแล้วตามสัญญาเช่าที่จำเลยทำให้โจทก์ ก็มิได้ระบุว่าเพื่อทำสวนดังที่มารดาจำเลยทำให้กับโจทก์ ทั้งความจริงจำเลยก็มิได้ใช้ที่พิพาทในการทำสวนเลย แต่จำเลยปลูกบ้านอยู่ และให้ญาติพี่น้องเข้ามาปลูกบ้านอยู่ด้วยกันหลายหลัง จึงเห็นว่าการเช่ารายนี้มิใช่เป็นการเช่าเพื่อทำสวน แต่เป็นการเช่าที่ดินเพื่อปลูกที่อยู่อาศัย จำเลยจึงได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ และการที่จำเลยที่ 1 อนุญาตให้น้องสาวน้องเขยใช้ประโยชน์บนที่ดินเช่า โดยปลูกห้องอยู่อาศัยโดยไม่ปรากฏว่าให้เช่าช่วงนั้น ก็มิได้ผิดสัญญาเช่าเพราะตามสัญญาเช่าห้ามแต่ไม่ให้เช่าช่วง มิได้ห้ามไม่ให้ญาติพี่น้องใช้ประโยชน์ในที่เช่า
จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์