แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทางจำเป็นมิใช่สิทธิที่ติดกับที่ดินที่จะโอนไปพร้อมกับ ที่ดิน แต่ทางจำเป็นเกิดขึ้นและมีอยู่ตามความจำเป็นเมื่อไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทางแล้ว ก็ขอ เปิดทางจำเป็นไม่ได้ โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 32684 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโฉนดเลขที่ 12194 ของโจทก์โดยโจทก์สามารถเดินออกสู่ถนนสาธารณะผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 12194 ได้ แม้เดิมผู้อยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 32684 ที่โจทก์รับโอนมาจะมีสิทธิใช้ทางในที่ดินโฉนดเลขที่ 32688 ของจำเลยในฐานะทางจำเป็นก็ตามแต่เมื่อโจทก์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทางนั้น เพราะโจทก์สามารถใช้ที่ดินแปลงโฉนดเลขที่ 12194 ออกสู่ทางสาธารณะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิขอเปิดทางพิพาทผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 32688เป็นทางจำเป็นไม่ว่าจะเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1349 หรือมาตรา 1350
ย่อยาว
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกันโดยให้เรียกจำเลยในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 และเรียกจำเลยในสำนวนหลังว่าจำเลยที่ 2
โจทก์ฟ้องทั้งสองสำนวนความว่า เดิมจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 28708 ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวเป็น 8 แปลง ที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่ 32684 เลขที่ดิน 239 ซึ่งโจทก์ซื้อมาจากผู้มีชื่อเป็นที่ดินที่แยกออกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 28708 การที่จำเลยที่ 1 แบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ 28708 เป็นแปลงย่อย 8 แปลงดังกล่าวทำให้ที่ดินของโจทก์โฉนดเลขที่ 32684 ไม่มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะ โจทก์เคยใช้ทางผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 32688 ของจำเลยที่ 1 ออกสู่ทางสาธารณะ ที่ดินโฉนดเลขที่ 32688 นี้แยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 28708 ของจำเลยที่ 1เช่นเดียวกัน ต่อมาเดือนตุลาคม 2536 จำเลยทั้งสองทำรั้วลวดหนามแล้วก่ออิฐบล็อกลงในที่ดินโฉนดเลขที่ 32688 ปิดกั้นไม่ให้โจทก์ใช้เป็นทางผ่านไปสู่ทางสาธารณะตามปกติ โจทก์แจ้งให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งกีดขวางที่ทำขึ้นดังกล่าวแต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉยขอให้บังคับจำเลยทั้งสองเปิดทางจำเป็นในที่ดินโฉนดเลขที่ 32688
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 เป็นบิดาของจำเลยที่ 2ที่ดินโฉนดเลขที่ 32684 เดิมเป็นของจำเลยที่ 2 ต่อมาได้ขายให้ผู้มีชื่อที่ดินขณะนั้นถูกปิดล้อม ผู้มีชื่อใช้ทางด้านตะวันตกผ่านที่นาของผู้อื่นสู่ทางสาธารณะและบางครั้งอาศัยผ่านที่ดินโฉนดเลขที่ 32688 ของจำเลยที่ 1 ด้วย โจทก์ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 32684 จากผู้มีชื่อ ก่อนซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 32684จากผู้มีชื่อนั้น โจทก์มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินอีก 1 แปลงอยู่ทางด้านทิศเหนือและติดต่อกับที่ดินโฉนดเลขที่ 32684ที่ดินแปลงดังกล่าวของโจทก์ติดต่อทางสาธารณะถนนเทศบาล 3ที่ดินโฉนดเลขที่ 32684 ของโจทก์จึงไม่ถูกปิดล้อม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันเปิดทางจำเป็นในที่ดินโฉนดเลขที่ 32688 กว้าง 3 เมตร จากที่ดินโฉนดเลขที่ 32684ของโจทก์ไปจนถึงทางสาธารณะถนนเทศบาล 3 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนซีเมนต์บล็อกที่ก่อปิดทางพิพาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 28708 เลขที่ดิน 223 เป็นของจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่9 พฤษภาคม 2527 ได้แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวเป็น 6 แปลง คือที่ดินโฉนดเลขที่ 32684 เลขที่ดิน 239 โฉนดเลขที่ 32685เลขที่ดิน 240 โฉนดเลขที่ 32686 เลขที่ดิน 241 โฉนดเลขที่ 32687เลขที่ดิน 242 โฉนดเลขที่ 32688 เลขที่ดิน 243 และที่ดินคงเหลือแปลงเดิมโฉนดเลขที่ 28708 เลขที่ดิน 223 เมื่อวันที่ 20 มกราคม2537 จำเลยที่ 1 ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 32688เลขที่ดิน 243 ให้จำเลยที่ 2
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีว่า โจทก์มีสิทธิขอให้เปิดทางจำเป็นในที่ดินโฉนดเลขที่ 32688 เลขที่ดิน 243 ได้ตามฟ้องหรือไม่เห็นว่า แม้เดิมผู้อยู่ในที่ดินแปลงที่โจทก์รับโอนมาจะมีสิทธิใช้ทางในที่ดินของจำเลยในฐานะทางจำเป็นก็ไม่ได้หมายความว่าโจทก์ผู้รับโอนที่ดินจะได้สิทธิในทางเดินนั้นมาด้วยอย่างภารจำยอมเพราะทางจำเป็นมิใช่สิทธิที่ติดกับที่ดินที่จะโอนไปพร้อมกับที่ดินด้วย ทางจำเป็นเกิดขึ้นและมีอยู่ตามความจำเป็น เมื่อโจทก์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทางนั้น เพราะโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงโฉนดเลขที่ 12194 เลขที่ดิน 188 ด้วย ซึ่งโจทก์สามารถใช้ที่ดินแปลงนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336เมื่อที่ดินแปลงเลขที่ 188 มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์ในฐานะเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 32684 เลขที่ดิน 239 ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินแปลงเลขที่ 188 ก็ย่อมใช้ที่ดินแปลงเลขที่ 188ที่โจทก์เป็นเจ้าของออกสู่ทางสาธารณะได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิขอเปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นไม่ว่าจะเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 หรือมาตรา 1350
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์