แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเข้าไปในห้องรับแขกเพื่อลักทรัพย์ตัดสายโทรทัศน์ออก แล้วยกเอาเครื่องรับโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเคลื่อนจากที่ตั้งเดิมมาที่กลางห้อง เผอิญผู้เสียหายมาพบเข้าจำเลยจึงวางไว้ที่พื้นห้องก็ถือได้ว่าเอาทรัพย์ไปแล้ว เป็นความผิดลักทรัพย์สำเร็จไม่ใช่พยายามลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๑๓ เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยสมคบร่วมกันเข้าไปในเคหะสถานที่อยู่อาศัยของนางน้อย มืดอิ่ม โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลและทรัพย์สิน งัดแงะกลอนประตูบ้านออก แล้วลักเครื่องรับโทรทัศน์ ๑ เครื่อง ราคา ๓,๖๐๐ บาท ของนางน้อยไป เหตุเกิดที่ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๑)(๓)(๗)(๘) จำคุกคนละ ๔ ปี
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่าจำเลยทั้งสองเป็นคนร้าย การกระทำของจำเลยเป็นเพียงพยายามลักทรัพย์ พิพากษาแก้ จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕, ๘๐, ๘๓ จำคุกคนละ ๒ ปี
โจทก์ฎีกาว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จ
ศาลฎีกาวินิจฉัยทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยทั้งสองได้ตัดสายโทรทัศน์ออกและยกเอาเครื่องรับโทรทัศน์ของผู้เสียหายที่ตั้งอยู่บนโต๊ะในห้องรับแขกเคลื่อนที่จากที่ตั้งเดิม ยกมาที่กลางห้อง เผชิญผู้เสียหายมาพบเข้า จำเลยทั้งสองจึงวางเครื่องรับโทรทัศน์ไว้ที่พื้นห้องแล้วหลบหนีไป แม้จะนำเครื่องรับโทรทัศน์ออกนอกห้องไม่ได้ ก็ถือว่าจำเลยได้เอาทรัพย์ไปแล้ว การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว หาใช่เพียงฐานพยายามไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงฐานพยายามลักทรัพย์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น