คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับที่ดินและเรือนโดยอ้างว่าเป็นของโจทก์และภรรยา จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินและเรือนพิพาทเป็นของจำเลยทำมาหาได้ด้วยตนเองตลอดจนเรือนก็ปลูกสร้างขึ้นด้วยทุนของจำเลย ดังนี้ เมื่อได้ความตามทางพิจารณาว่าที่ดินและเรือนเป็นของโจทก์กับภรรยา มิใช่ของจำเลยทำมาหาได้ด้วยตนเองตามที่ต่อสู้ไว้แล้ว แม้จะได้ความว่าจำเลยเป็นบุตรของภรรยาโจทก์ติดมารดามาอยู่กับโจทก์ศาลก็พิพากษาขับไล่และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่และเรือนพิพาทได้ และคดีไม่มีประเด็นเรื่องมรดกศาลไม่จำต้องวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสวนพิพาทร่วมกับนางนุ่มภรรยา โดยโจทก์และนางนุ่มได้บุกเบิกป่าสร้างเป็นสวนยางและเรือนขึ้น จำเลยเป็นบุตรนางนุ่ม ติดมาอยู่กับโจทก์ตั้งแต่จำเลยยังเด็ก ๆ บัดนี้นางนุ่มตาย จำเลยไม่ให้โจทก์ขึ้นเรือนในที่พิพาทและอ้างว่าเป็นสวนของจำเลย จึงขอให้ห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องกับสวนยางพิพาท และเรือน

จำเลยต่อสู้ว่า สวนพิพาทเป็นของจำเลยทำมาหาได้ด้วยตนเองตลอดจนเรือนก็ปลูกขึ้นด้วยทุนของจำเลย

ศาลชั้นต้นฟังว่าเป็นสวนและเรือนของโจทก์และนางนุ่มคดีไม่มีประเด็นเกี่ยวกับมรดกนางนุ่ม จึงพิพากษาขับไล่และห้ามมิให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับสวนและเรือนพิพาท

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยมีสิทธิในสวนและเรือนพิพาทเสมอเหมือนโจทก์ จึงต้องถือว่าเป็นเจ้าของร่วม จึงพิพากษาแก้ให้แบ่งครึ่ง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเชื่อข้อเท็จจริงว่าเป็นสวนและเรือนของโจทก์และนางนุ่ม ไม่ใช่ของจำเลยดังจำเลยต่อสู้หรือเป็นเจ้าของร่วมดังศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมา คดีนี้ไม่มีประเด็นเรื่องมรดก ไม่พักต้องวินิจฉัย พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้นแต่ไม่ตัดสิทธิในการที่คู่ความจะฟ้องคดีมรดกกันต่อไป

Share