คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2484

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าอาวาสรับมอบเงินผลประโยชน์ของวัดไปเพื่อใช้ซ่อมแซมกุฏิ แล้วยักยอกเงินนั้น คงมีผิดฐานยักยอกตามมาตรา 114 ไม่ใช่มาตรา 319
เจ้าอาวาสรับเงินไปซ่อมแซมกฏิจากกรมการอำเภอแล้ว+บัญชีรายการการใช้จ่ายต่ออำเภอด้วยความเท็จ เป็นผิดฐานแจ้งความเท็จ กรมการอำเภอที่ได้รับมอบหมายจากกระทรวงธรรมการให้เป็นผู้ดูแลรักษาผลประโยชน์ของวัดนั้น เมื่อมีผู้ยักยอกเงินนั้น กรมการอำเภอย่อมเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจร้องทุกข์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้รับมอบเงินผลประโยชน์ของวัดจากกรมการอำเภอเพื่อใช้จ่ายซ่อมแซมกุฏิ จำเลยยักยอกเงินนั้นไว้และทำใบสำคัญจ่ายเงินปลอมยื่นต่อกรมการอำเภอ ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยยักยอกเงินรายนี้และทำหลักฐานเท็จ พิพากษาว่าจำเลยผิดฐานยักยอกตาม มาตรา ๓๑๙ ข้อ ๓ และฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา ๑๑+ รวมกะทงลงโทษจำเลย ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน แต่มีผู้พิพากษานายหนึ่งมีความเห็นแย้งว่าจำเลยควรมีผิดเพียงฐานยักยอกธรรมดาตามมาตรา ๓๑๔ เพราะจำเลยเป็นสงฆ์ไม่มีหน้าที่รับจ่ายเงิน แต่ความผิดตามมาตรา ๓๑๔ จะต้องมีการร้องทุกข์ คดีนี้อำเภอไม่ใช่ผู้เสียหาย การร้องทุกข์จึงไม่ชอบ จึงไม่ควรรับพิจารณาความผิดฐานยักยอก ส่วนการที่จำเลยส่งใบสำคัญเท็จเห็นว่าเป็นการแจ้งความเท็จไม่ได้ เพราะจำเลยนำส่งเพื่อให้อำเภอส่งใปคลังเท่านั้น เห็นควรยกฟ้องโจทก์
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า การจ่ายเงินกัลปานาซึ่งเป็นเงินผลประโยชน์ของวัดนั้น ตามข้อบังคับเรื่องเงินกัลปาข้อ ๓ (๔) เจ้าอาวาสเป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น ส่วน พ.ร.บ.ปกครองคณะสงฆ์มาตรา ๑๓ (๑) นั้น หมายถึงว่ามีหน้าที่ทะนุบำรุงวัดภายในขอบเขตต์ตามข้อบังคับของกรมกัลปนาเมื่อจำเลยไม่มีหน้าที่ดังกล่าวนั้น ก็ไม่มีผิดตามมาตรา ๓๑๙(๓) คงผิดตามมาตรา ๓๑๔ ปัญหาเรื่องร้องทุกข์เห็นว่านายอำเภอเป็นผู้รับมอบหมายจากกระทรวงธรรมการให้ดูแลผลประโยชน์ของวัด จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย คำร้องทุกข์คดีนี้ชอบแล้ว ส่วนความผิดฐานแจ้งความเท็จนั้นได้ความว่าใบรับเงินที่จำเลยยื่นต่อกรมการอำเภอนั้น มีรายการและคำบันทึกของจำเลยเป็นเท็จ จำเลยจึงมีผิดฐานแจ้งความเท็จ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณอาญามาตรา ๑๑๘ และ ๓๑๔ นอกนั้นยืน

Share