คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยและผู้ร้องเป็นผู้รับมรดกในที่ดินร่วมกัน จำเลยไปโอนรับมรดกที่ดินใส่ชื่อตนแต่ผู้เดียว ครั้นแล้วจำเลยนำไปจำนองไว้แก่ธนาคารโจทก์ผู้ทำการโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ดังนี้ นิติกรรมการจำนองระหว่างโจทก์กับจำเลยมีผลสมบูรณ์ ธนาคารโจทก์มีสิทธิบังคับจำนองได้เต็มตามสัญญา ผู้ร้องจะขอกันส่วนของผู้ร้องจากจำนวนเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินจากการบังคับจำนองหาได้ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1046/2480)

ย่อยาว

คดีนี้ จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไว้กับธนาคารโจทก์โดยจำเลยที่ ๒ ได้นำที่ดินมีโฉนด ๒ แปลง ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ ๒ ถือกรรมสิทธิ์มาจำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยที่ ๑ ไว้กับธนาคารโจทก์ ต่อมาธนาคารโจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้เบิกเงินเกินบัญชี ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ ๒ จัดการไถ่ถอนจำนอง มิฉะนั้นให้ขายทอดตลาดที่ดินที่จำนองเอาเงินใช้หนี้โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้ให้โจทก์ ถ้าไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทน และถ้าจำเลยที่ ๒ ไม่ชำระ ให้โจทก์บังคับจำนองเอาเงินใช้หนี้
ต่อมาโจทก์นำยึดที่ดินดังกล่าวทั้งสองแปลงออกขายทอดตลาด
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสี่คนเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายกระวีและจำเลยที่ ๒ ที่ดินมีโฉนดทั้งสองแปลงเดิมเป็นของนายกระวี นายกระวีตายที่ดินจึงตกเป็นมรกดได้แก่จำเลยที่ ๒ และผู้ร้องทั้งสี่คน แต่ขณะนั้นผู้ร้องยังไม่บรรลุนิติภาวะ จำเลยที่ ๒ จึงได้ไปโอนรับมรดกที่ดินดังกล่าวแทนผู้ร้องทั้งสี่ไม่เคยทราบถึงการจำนองนี้เลยจำเลยที่ ๒ กระทำไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ร้อง ผู้ร้องทั้งสี่มีสิทธิที่จะได้รับเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดในฐานะเจ้าของร่วม ๔ ส่วน ขอให้สั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินจำนวนดังกล่าวไว้เพื่อจ่ายให้แก่ผู้ร้อง
โจทก์แถลงคัดค้านว่า ที่ดินสองแปลงนี้มีชื่อจำเลยที่ ๒ ถือกรรมสิทธ์แต่ผู้เดียว ได้นำมาจำนองไว้อย่างเปิดเผย โจทก์ได้เสียค่าตอบแทนไปโดยสุจริตมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์ชอบที่จะบังคับชำระหนี้ในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิได้ ผู้ร้องทั้งสี่ไม่มีชื่อในโฉนดร่วมกับจำเลยที่ ๒ แม้จะมีสิทธิอื่นใดพึงกล่าวอ้างได้ ก็ไม่เกิดสิทธิที่จะได้รับส่วนแบ่งหรือส่วนเฉลี่ยจากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าว โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา การบังคับคดีของเจ้าพนักงานเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องทราบดีก็ไม่ได้คัดค้านประการใด จึงไม่มีสิทธิจะมาขอรับส่วนแบ่งได้
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้นำเงินที่ขายทอดตลาดได้จ่ายใช้หนี้จำนองตลอดจนค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ก่อน เหลือเท่าใดจ่ายให้แก่ผู้ร้องทั้งสี่คนละ ๑ ใน ๕ ส่วน
ผู้ร้องทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ผู้ร้องทั้งสี่จะมีสิทธิได้รับมรดกที่ดินสอบแปลงนี้ด้วยก็ตาม แต่ผู้ร้องทั้งสี่ก็ไม่มีชื่ออยู่ในโฉนดที่ดินสองแปลงนี้ โฉนดคงมีชื่อจำเลยที่ ๒ ผู้เดียว การที่จำเลยที่ ๒ กระทำผิดหน้าที่ผู้แทนโดยชอบธรรม โดยโอนโฉนดใส่ชื่อตนแต่ผู้เดียว ก็เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ ๒ ธนาคารโจทก์เป็นบุคคลภายนอก มีเหตุน่าเชื่อว่าธนาคารโจทก์ได้รับจำนองที่ดินทั้งสองแปลงไว้โดยสุจริตและมีค่าตอบแทน กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๙ วรรค ๒ โดยถือว่านิติกรรมการจำนองระหว่างธนาคารโจทก์และจำเลยที่ ๒ มีผลสมบูรณ์ ธนาคารโจทก์จึงมีสิทธิบังคับจำนองได้เต็มตามสัญญาจะกันส่วนของผู้ร้องออกเสียก่อนตามที่ร้องขอหาได้ไม่
พิพากษายืน

Share