แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เรียกเงินจำนวน 120,000 บาท จากผู้กล่าวหาอ้างว่าเพื่อนำไปให้พนักงานอัยการช่วยเหลือนาย ส. ซึ่งถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษไม่ให้ต้องรับโทษ ผู้กล่าวหาได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ที่บริเวณศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงเป็นการประพฤติตน ไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากนางนัทธีผู้กล่าวหาซึ่งเป็นภริยานายสุทร และเป็นน้องของนายทวน ซึ่งบุคคลทั้งสอง ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษร้องเรียนต่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเรียกร้องเงินจากผู้กล่าวหา 120,000 บาท อ้างว่าจะช่วยเหลือนายสุทรให้หลุดพ้นจากคดี และจำนวน 50,000 บาท อ้างว่าจะช่วยเหลือให้นายทวนได้รับโทษสถานเบา ผู้กล่าวหาหลงเชื่อและส่งมอบเงิน 120,000 บาท ให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองในบริเวณศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช
ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกล่าวหาที่ 1 เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1), 33 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 จำคุก 6 เดือน ยกข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เรียกเงินจำนวน 120,000 บาท จากผู้กล่าวหาอ้างว่าเพื่อนำไป ให้พนักงานอัยการช่วยเหลือนายสุทรซึ่งถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษไม่ให้ต้องรับโทษ จากนั้นผู้กล่าวหาได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ที่บริเวณศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ซึ่งถือได้ว่ากระทำความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 31 (1)
พิพากษายืน.